วสท.ลงพื้นที่ตรวจอาคารเพลิงไหม้ ชี้โครงสร้างยังแข็งแรง

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ (วสท.) เปิดเผยภายหลังจากการลงพื้นที่สำรวจสภาพอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น เลขที่ 2204/5 ภายในซอยนราธิวาส 18 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เขตยานนาวา กทม. ว่าจากการสำรวจอาคารดังกล่าวพบว่าจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้น่าจะเริ่มต้นที่ชั้น 3 ของอาคาร ใกล้เคียงบริเวณห้องครัว ไม่ใช่น่าจะใช่บริเวณห้องพระตามที่มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภายในห้องพระบริเวณโต๊ะหมู่บูชา พระพุทธรูป และหนังสือสวดมนต์ ไม่ได้รับความเสียงหายจากเพลิงไหม้มากนัก พระพุทธรูปยังคงสภาพเดิม ไม่ได้อยู่ในลักษณะหลอมละลาย โต๊ะหมู่บูชาและหนังสือสวดมนต์ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ จึงคาดว่าจุดต้นเพลิงไม่น่าจะเกิดจากห้องพระ แต่คาดว่าจะเกิดใกล้กับห้องครัวมากกว่า เพราะบริเวณดังกล่าวมีลักษณะของความเสียหายมากกว่า ซึ่งเมื่อเพลิงลุกไหม้จากชั้น 3 แล้ว ได้ลามผ่านทางช่องบันไดไปชั้นอื่นๆ โดยบริเวณชั้น 3, 4, 5 และ 6 ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของโครงสร้างที่เกี่ยวกับรับน้ำหนัก อาทิ คานและเสา ยังอยู่ในสภาพที่ดี ไม่พบการหลุดร่อนของปูน และการบิดเบี้ยวของตัวเสา หรือคานรับน้ำหนัก บริเวณพื้นก็ยังสามารถใช้การได้ตามปกติ ขณะที่บริเวณชั้น 7 และ 8 พบว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตัวคานการรับน้ำหนักและเสามีปูนกระเทาะออกมา ส่วนบริเวณพื้นของทั้ง 2 ชั้น ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน จนไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อีก เพราะเมื่อทีมสำรวจได้เดินสำรวจบริเวณพื้นของทั้ง 2 ชั้น จะมีลักษณะการยุบตัวของพื้นไปสู่ชั้นล่าง

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า เมื่อพิจารณาตามหลักวิศวกรรมพบว่าบริเวณชั้น 1 และ 2 อยู่สภาพสมบูรณ์ ยังคงสามารถใช้การได้ตามปกติ เนื่องจากไม่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้แต่อย่างใด ส่วนบริเวณชั้น 3 ที่เป็นจุดต้นเพลิง ชั้น 4, 5 และ 6 ได้รับเสียหายในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง ต้องมีเจ้าหน้าที่มาตรวจโครงสร้างการรับน้ำหนัก คาน และเสาอีกรอบ หลังจากนั้นก็สามารถทำการปรับปรุงแต่ละชั้นได้ตามปกติ ส่วนบริเวณชั้น 7 เป็นต้นไปที่ได้รับความเสียหายในระดับรุนแรง ตัวโครงสร้างการรับน้ำหนัก พื้นในแต่ละชั้น ถือว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงต้องมีการรื้อและทุบทำใหม่ทั้งหมด แต่เมื่อดูโครงสร้างอาคารทั้งภาพรวม พบว่าโครงสร้างอาคารยังคงมีความแข็งแรงไม่มีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมา ซึ่งหากมีการปรับปรุงอาคารในแต่ละชั้นที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาอยู่ให้สภาพสมบูรณ์ ก็สามารถใช้อาคารได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องทุบทิ้งทั้งอาคาร
ตึกไหม้1
“อาคารดังกล่าวเป็นอาคารเก่าที่สร้างมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งกฎหมายควบคุมอาคารในขณะนั้นไม่ได้บังคับใช้เรื่องการติดตั้งระบบควบคุมเพลิงไหม้ ทั้งทางหนีไฟ ระบบสปริงเกลอร์ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้จึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะตัวอาคารดังกล่าวมีการก่อสร้างก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้ จึงอยากฝากเตือนเจ้าของอาคารสูงที่ไม่มีการติดตั้งระบบควบคุมเพลิงไหม้ ให้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ซึ่งหากเจ้าของอาคารรายใดสนใจที่จะติดตั้งระบบควบคุมเพลิงไหม้ ทาง วสท.ก็มีเจ้าหน้าที่ที่จะให้คำปรึกษาด้านนี้โดยตรง” นายสุชัชวีร์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image