‘ไรมอน แลนด์’ โชว์งบครึ่งปีแรก 64 กำไรโต 138.5% โกยรายได้รวม 2 พันล้านบาท เล็งเปิด 3 โปรเจกต์ใหม่

ไรมอน แลนด์’ โชว์งบครึ่งปีแรก 64 กำไรโต 138.5% โกยรายได้รวม 2 พันล้านบาท เล็งเปิด 3 โปรเจกต์ใหม่

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,008.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,049.4 ล้านบาท จำนวน 959.3 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 91.4% โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิมจาก 9.3% ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 24.9% และมีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 269.9 ล้านบาท จำนวน 373.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 138.5% ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้รวม 409.5 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 625.8 ล้านบาท จำนวน 216.3 ล้านบาท หรือ ลดลง 34.6% โดยถือว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจาก 7.8% เป็น 25.8% ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิลดลงจาก 130.4 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นขาดทุนเพียง 34.3  ล้านบาทในไตรมาสนี้

นายกรณ์ กล่าวว่า ด้านยอดขาย (Presales) ของบริษัทครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 1,469.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,881.2 ล้านบาท จำนวน 412.1 ล้านบาท หรือลดลง 21.9% โดยบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา อยู่ที่ 5,655.1 ล้านบาท โดยเป็นยอดรอรับรู้รายได้จากโครงการ The Lofts Silom (เดอะ ลอฟท์ สีลม)และ โครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนอื่นๆ อาทิ The River (เดอะ ริเวอร์)  The Lofts Asoke (เดอะ ลอฟท์ อโศก) The Diplomat 39 (เดอะ ดิโพลแมท 39) โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากการจัดโปรโมชั่นเร่งการขายและโอนรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะ ลอฟท์ สีลม และ เดอะ ริเวอร์ ประกอบกับบริษัทได้ปิดโครงการเก่าที่มีส่วนลดพิเศษทั้งหมดแล้วในปีที่ผ่านมาทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้นในงวดนี้ ขณะที่รายได้ไตรมาส 2/64 เติบโตลดลง เนื่องจากจำนวนยูนิตในโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน อาทิ โครงการ เดอะ ริเวอร์  เดอะ ลอฟท์ อโศก และ โครงการอื่นๆ ทยอยจำนวนลดน้อยลงเนื่องจากปิดการขายได้ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 2 ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ

“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากกำลังซื้อของประชาชนส่วนใหญ่มีการชะลอตัว อีกทั้งมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง และ ห้ามเคลื่อนย้ายกลุ่มแรงงานก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำหนดการเปิดโครงการอสังหาฯหลายแห่งมีความล่าช้าจากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจมีแนวโน้มคลี่คลาย ภายหลังจากที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน ซึ่งจะเป็แรงกระตุ้นที่จะดึงบรรยากาศและความมั่นใจในการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ตลอดจนลูกค้าชาวต่างชาติให้กลับมา และด้วยศักยภาพของตลาดคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ทำเลใจกลางเมืองที่มีจำนวนจำกัด ยังคงมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัย หรือซื้อไว้เพื่อลงทุน ทำให้คอนโดมิเนียมลักชัวรี่ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อระดับสูง” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทดำเนินการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมระดับ   อัลตร้าลักชัวรี่และเปิดขายจำนวน 2โครงการ ได้แก่ The Estelle Phrom Phong  (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) ความคืบหน้าการก่อสร้าง 45% และ โครงการ TAIT Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์) ความคืบหน้าการก่อสร้าง 21% อีกทั้ง ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารสำนักงาน One City Centre (วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์) หรือ OCC ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท กับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย มีความคืบหน้าก่อสร้างกว่า 47% อกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงระดับอัลร้าลักชัวรี่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบนพื้นที่ทำลสุขุมวิท 38, โครงการสุขุมวิทตอนกลาง และ โครงการ Ocean Front Beach จ.ภูเก็ต โดยบริษัทฯ มีการติดตามสภาพตลาดและมาตรการภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image