ส่งออกก.ค.บวก 20.27% หดตัวกว่ามิ.ย. ผลจากโควิดระบาดรอบใหม่ ‘จุรินทร์’ คงเป้าทั้งปี 4%
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนกรกฎาคม 2564 มีมูลค่า 22,650.84 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 20.27% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และอัตราสูงสุดในรอบ 11 ปี แต่หากหักการส่งออกกลุ่มทองคำ น้ำมัน และยุทธปัจจัย จะขยายตัวถึง 25.38% สะท้อนความต้องการสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมยังดี และหากเทียบเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอัตราลดลง อาจเพราะทิศทางการส่งออกของโลกอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ปัญหาการแพร่ระบาดโควิดในหลายประเทศทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง ส่งผลต่อการขนส่งเพื่อส่งออกติดขัดไปบ้าง ซึ่งภาครัฐและเอกชนคงเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรรต่างๆ รวมถึงเร่งเจาะตลาดเก่าและตลาดใหม่ โดยเฉพาะในสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป เป็นต้น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนตัวเลขการนำเข้าสินค้าเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 22,467.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวบวก 45.94% ทำให้ไทยได้ดุลการค้า183.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับภาพรวมการส่งออก 7 เดือนแรก 2564 (มกราคม-กรกฎาคม) มีมูลค่า 154,985.48 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวบวก 16.20% ส่วนการนำเข้ารวม 152,362.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวบวก 28.73% และไทยเกินดุลการค้ารวม2,622.63 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี นำโดยกลุ่มอาหารสด ผลไม้ไทยที่มีความต้องการของตลาดโลกสูงขึ้น รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น ถุงมือยาง ส่งผลดีความต้องการยางพาราตลาดโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลดีกับราคายางพาราไทยช่วงนี้ดีขึ้น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มส่งออกได้มากขึ้น แม้ว่าทั้งโลกรวมถึงไทยยังเจอปัญหาโควิด-19 ระบาด
“คาดว่าการส่งออกไทยเดือนถัดไป เดือนสิงหาคม-กันยายน ภาคการผลิตอาจมีปัญหาบ้างจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทำให้บางโรงงานผลิตสินค้า ต้องปิดการผลิตไปบ้าง จึงมองว่าช่วง 2 เดือนนี้ การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกจะมีปัญหา แต่กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชน ที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้ปัญหาโควิดทั่วโลกยังระบาดอยู่ ยังเชื่อว่าโอกาสและความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะอาหารและผลไม้ไทยยังมีความต้องการสูง ซึ่ ภาครัฐและเอกชนเร่งเดินหน้าหาตลาดใหม่ เป็นภาระกิจสำคัญ จึงมั่นใจส่งออกทั้งปี 2564 จะบวกได้เกิน 4% หรือมีมูลค่า 240,727 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะยังไม่ปรับคาดการณ์เดิม 4% แม้ว่าขณะนี้ตัวเลยส่งออกของไทยจะเติบโตกว่า 16.20% แต่ให้ทุกฝ่ายตั้งตัวเลขการทำงานแบบท้าทาย”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับตู้ขนส่งสินค้าที่เคยคาดแคลนมีไม่เพียงพอต่อการส่งออกนั้น หลังจากร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถบริหารจัดการแก้ไขให้ทุกอย่างเข้าสู่ระบบ จนปริมาณตู้ขนส่งสินค้ามีเพียงพอต่อปริมาณสินค้าที่จะส่งออกได้แล้ว อาจมีบางช่วงขาดแคลนบ้าง แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์บริหารจัดการได้เป็นอย่างดี
