น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้อนุมัติเพิ่มจังหวัดที่ผู้ประกอบการต้องขออนุญาตสำหรับการขนย้ายมันสำปะหลังสดออกจากพื้นที่ ได้แก่ จ.บึงกาฬ ศรีษะเกส และตราด ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จากเดิมอนุมัติไว้ 9 จังหวัด คือ เชียงราย เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี สุรินทร์ สระแก้ว และจันทบุรี โดยต้องขออนุญาตการขนย้ายจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือสำนักงาน กกร. กรมการค้าภายใน
“เนื่องจากขณะนี้ เป็นช่วงที่ผลผลิตมันสำปะหลังสดของประเทศเพื่อนออกสู่ตลาดพอดี หากไม่ป้องกันไว้ และกำกับดูแลการขนย้ายอย่างเข้มงวด เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังของไทย อาจได้รับผลกระทบจากการลักลอบนำเข้า ”
น.ส.วิบูลลักษณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือกันการออกประกาศ กกร. เพื่อกำหนดราคาแนะนำสำหรับการจำหน่ายปลีกแก๊สหุงต้ม ภายหลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับลดราคาจำหน่ายส่งแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) กก.ละ 2 บาท ทำให้ราคาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากกก.ละ 22.29 บาท ลดเหลือกก.ละ 20.29 บาท หรือแก๊สบรรจุถัง 15 กก.ลดลงเหลือถังละ 340 บาท จากเดิม 370 บาท รวมถึงยกเลิกการชดเชยค่าขนส่งแก๊สให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ขนส่งไปยังคลังแก๊สทั่วประเทศ ส่งผลให้ค่าขนส่งต้องปรับขึ้นตามระยะทาง จากเดิมที่เท่ากันทั่วประเทศ สำหรับราคาแนะนำขายปลีกสำหรับจังหวัดอื่น ต้องลดลงตามราคาจำหน่ายหน้าคลังที่ลดลง และจะแตกต่างกันไปตามระยะทางใกล้ไกล คาดว่าจะออกประกาศได้เร็วๆ นี้
“ได้ประสานไปยังสมาคมแก๊สปิโตรเลียมเหลว ให้แจ้งไปยังร้านค้าปลีกที่เป็นสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ ปรับลดราคาขายปลีกลงตามราคาแนะนำ ขณะเดียวกัน กรมฯจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาจำหน่ายปลีกทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคด้วย ”
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับการปรับลดราคาจำหน่ายแก๊สหุงต้มครั้งนี้ มีผลทำให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จลดลงจานละ 0.10 บาทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ร้านอาหารสามารถจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จได้ในราคาเดิม และไม่มีเหตุผลในการปรับขึ้นราคา
