ไรเดอร์ครวญ! ค่ารอบหาย 25-50% หากรัฐสั่งลด GP หวั่นผลักภาระผู้บริโภค

เดลิเวอรี

“ไรเดอร์ – ผู้บริโภค” หวั่นมาตรการรัฐซ้ำเติมคนไทยยุคโควิด หลังแหล่งข่าววงในเผยหากรัฐกดดันลดค่า GP ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีอาจต้องเลือกหั่นค่ารอบไรเดอร์ลงอีก 25-50% หรือปรับขึ้นค่าบริการเพื่อแก้ปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง ฟากแพลตฟอร์มวอนทบทวนการพิจารณา ชี้ ปรับลดค่า GP ไม่ช่วยทุกฝ่ายในระยะยาว ชงใช้มาตรการเสริม “โปรโมทร้าน-จัดโปรฯแรง-คนละครึ่ง” ดันยอดขายร้านอาหาร ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย

หลังจาก กระทรวงพาณิชย์ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการจัดเก็บค่าส่วนแบ่งการขาย (ค่า GP) ที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มส่งอาหาร (ฟู้ดเดลิเวอรี่) เรียกเก็บจากร้านอาหารที่เข้าร่วมในแอปพลิเคชัน ในอัตรา 30-35% เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นธรรมและเหมาะสม ซึ่งจะเร่งพิจารณาแล้วเสร็จโดยเร็วนั้น

แหล่งข่าวจากวงการฟู้ดเดลิเวอรี่ เผยว่า หากมีการควบคุมหรือกดดันให้ปรับลดค่า GP ลงจริง จะส่งผลกระทบต่อพนักงานส่งอาหาร (ไรเดอร์) และผู้บริโภค เนื่องจากผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ทุกเจ้ายังคงขาดทุน จากการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งด้านเทคโนโลยี การตลาด และการทำโปรโมชัน หากภาครัฐปรับลดค่า GP ทางผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคงต้องหาทางลดต้นทุน เพราะไม่สามารถแบกรับปัญหาขาดทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดค่าตอบแทนหรือค่ารอบของคนขับ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 25 – 50% หรือการปรับขึ้นราคารองรับค่าแรงไรเดอร์ และต้นทุนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว

Advertisement

นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ไลน์แมน วงใน กล่าวว่า คงต้องรอดูท่าทีของภาครัฐว่าจะมีนโยบายเรื่อง GP อย่างไร หากบังคับให้ลดค่า GP ก็มีโอกาสจะทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ส่วนตัวอยากให้ภาครัฐได้ดูโมเดลการแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ขอให้แพลตฟอร์มต่างๆ ช่วยลดค่า GP ลงมา และจ่ายเงินอุดหนุนในส่วนต่างที่หายไปจากค่า GP ให้แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นวิธีที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ทั่วกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ลูกค้า ไรเดอร์ หรือแพลตฟอร์ม

แหล่งข่าวจากผู้บริหาร Foodpanda กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทฯและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายอื่นๆ เคยให้ความร่วมมือกับภาครัฐปรับลดค่า GP ชั่วคราวมาแล้ว แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะยอดขายและรายได้ของร้านอาหารลดลง เนื่องจากค่า GP ถือเป็นต้นทุนการดำเนินงานในการทำโปรโมชันและการโปรโมทร้านค้า เมื่อถูกลดค่า GP การส่งเสริมการขายต่างๆ จึงถูกตัดทิ้งไป ขณะที่ไรเดอร์เองก็มีรายได้ลดลงเพราะจำนวนคำสั่งซื้อมีน้อยลง ขณะที่ผู้บริโภคเองก็ไม่ได้รับโปรโมชันดีๆ อย่างที่เคยได้รับมาก่อน

ขณะที่ ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การลดค่า GP ไม่เกิดประสิทธิผลเท่ากับการช่วยกระตุ้นยอดขายให้ร้านอาหารผ่านการทำโปรโมชัน มอบส่วนลด หรือการช่วยโปรโมทร้าน ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการ อยากขอให้ภาครัฐทบทวนการพิจารณาและหามาตรการอื่นแทนการปรับลดค่า GP อาทิ การเร่งผลักดันให้โครงการ “คนละครึ่ง” ใช้กับบริการฟู้ดเดลิเวอรีได้เร็วที่สุด เพื่อเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ทั้งนี้ ค่า GP ไม่ใช่ ‘ผลกำไร’ ทั้งหมด แต่เป็นรายได้ที่แพลตฟอร์มต้องนำมาจัดสรรค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนคนขับ ค่าโฆษณาและการทำโปรโมชันสำหรับผู้บริโภค รวมถึงเทคโนโลยีและระบบต่างๆ โดยแพลตฟอร์มเองต้องพยายามรักษาสมดุลเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากในช่วงโควิดฯ

Advertisement

ด้านตัวแทนไรเดอร์ นายธนากร พลอยแสง แอดมินเพจ “กูขับ LINEMAN RIDER” กล่าวว่า ผมและสมาชิกในกลุ่มฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดปรับลดค่า GP เพราะท้ายที่สุดย่อมมีผลกระทบมาถึงกลุ่มไรเดอร์ โดยเฉพาะอาจถูกปรับลดค่ารอบ และหากคำสั่งของภาครัฐมีผลบังคับใช้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ จะทำให้ไรเดอร์ในต่างจังหวัดที่ได้รับค่ารอบต่ำกว่าในกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่กันอย่างยากลำบาก ทั้งนี้ ผลจากโควิดฯและนโยบายล็อกดาวน์ของรัฐบาล จึงมีคนจำนวนมากหันมาประกอบอาชีพไรเดอร์ ทำให้ไรเดอร์เดิมถูกแย่งงานจนรายได้ต่อวันลดลงไปมาก หากมีการปรับค่า GP จนไรเดอร์ต้องถูกลดค่ารอบอีก เชื่อว่าจะต้องมีไรเดอร์จำนวนมากออกมาประท้วงแน่นอน

นายอรรถพล คล้ายเอ็ม หนึ่งในแกนนำ “กลุ่ม Grab เคลื่อนที่เร็วเราช่วยกัน” กล่าวว่า การลดค่า GP นอกจากจะกระทบคนขับโดยตรงแล้ว ยังส่งผลถึงผู้ใช้บริการและภาพรวมธุรกิจอาหารด้วย เพราะถ้ารายได้ของแพลตฟอร์มหายไปจากการลดค่า GP บริษัทฯ ก็ต้องมาลดค่ารอบคนขับ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้คนขับที่ได้รับผลกระทบรวมตัวกันออกไปแสดงพลังให้ภาครัฐได้รับรู้ถึงปัญหา และถ้าไม่มีทางออกที่ดีหรือรายได้ของคนขับไม่คุ้มค่า คงต้องมีคนขับจำนวนไม่น้อยหยุดให้บริการและหันไปทำอาชีพอื่น และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในที่สุด เพราะเมื่อมีคนส่งอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอนานหรืออาจจะไม่มีคนให้บริการเลยในช่วงโควิดฯ

อีกหนึ่ง ไรเดอร์จากค่าย Foodpanda นายสมยศ ปิงจุลัด ซึ่งรับงานส่งอาหารพาร์ทไทม์หลังเลิกจากงานประจำ กล่าวว่า หากมีการปรับลดค่า GP จะต้องผลกระทบต่อไรเดอร์ทั้งกลุ่มที่ทำเป็นงานประจำและพาร์ทไทม์ ทุกวันนี้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้ามีรายได้ต่อรอบการส่งอาหารสูงสูดที่ 48 บาทและต่ำสุดที่ 30 บาท ขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันก็สูงขึ้นตลอดเวลา หากรัฐประกาศลดค่า GP และบริษัทฯ ต้องลดค่ารอบของไรเดอร์ลงอีก เราคงต้องมองหาทางรอดอื่่น ถ้าไม่ย้ายไปค่ายอื่นที่ให้ค่าตอบแทนดีกว่า ก็อาจจะต้องเปลี่ยนอาชีพไปเลย

ในส่วนของผู้ใช้บริการ นางสาวศิรินทร์รัตน์ จันทะมาต พิธีกรรายการเปิดสนามข่าวเศรษฐกิจ คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 97 เพื่อความรู้และสาระบันเทิง กล่าวว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นทำให้สังคมเกิดความกังวลใจว่า อาหารที่สั่งผ่านบริการฟู้ดเดลิเวอรีจะมีราคาแพงขึ้น หรือผู้บริโภคอาจได้รับสินค้าในปริมาณที่ลดลง เพราะจากประสบการณ์หลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลขึ้นอัตราภาษีหรือควบคุมราคาสินค้าเมื่อใด ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นทันที ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่ควรควบคุมหรือกำกับดูแลสินค้า จนกลายเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชน เพราะจะเป็นการซ้ำเติมเกินไป แต่ควรให้การสนับสนุนร้านอาหาร และผู้ให้บริการมากกว่า

ด้าน นางสาวกีรตยา กำลังมาก เจ้าหน้าที่สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย หนึ่งในตัวแทนผู้บริโภคที่ใช้บริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรีทุกสัปดาห์ กล่าวว่า ค่า GP ไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของมากนัก เพราะผู้บริโภคจะพิจารณาจากโปรโมชัน เช่น ส่วนลดค่าอาหารหรือส่วนลดค่าส่ง เป็นหลัก โดยปกติตนจะเลือกสั่งอาหารจากร้านที่มีราคาถูกที่สุดอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐจะปรับลดค่า GP เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและยังอาจสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ไรเดอร์หยุดให้บริการ หรือเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นแทน ทำให้ต้องรออาหารนานขึ้น หรืออาจต้องเสียค่าบริการเพิ่มขึ้นเพื่อให้ไรเดอร์จัดส่งอาหารให้เร็วขึ้น

เดลิเวอรี
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image