นิสสัน เทอร์ร่า ปรับใหม่ เติมดีไซน์เพิ่มอุปกรณ์

ในตลาดรถปิกอัพดัดแปลง หรือ พีพีวี นิสสันเทอร์ร่า ถือว่าเป็นน้องใหม่ เพิ่งโดดเข้ามาร่วมวงไพบูลย์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เป็นการนำโครงสร้างพื้นฐานของปิกอัพ นิสสัน นาวารา มาดัดแปลง เข้ามาแย่งส่วนแบ่งพี่ๆ อย่าง ฟอร์จูนเนอร์ มิวเอ็กซ์ ปาเจโร่ สปอร์ต เอเวอร์เรสต์

การเข้าสู่สมรภูมิพีพีวี นิสสัน เทอร์ร่า ยังคงตำแหน่งรั้งท้ายในตลาดกลุ่มนี้ นิสสันจึงพยายามรวบรวมปัญหาที่สะท้อนมาจากลูกค้า นำมาปรับปรุงออกมาเป็นรุ่นล่าสุด

นิสสัน เทอร์ร่า รุ่นปรับปรุงใหม่ หรือจะเรียกว่า บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ก็น่าจะพอได้ เน้นพัฒนาเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว

แต่ยังคงเป็นเครื่องเดิมคือ เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดรองรับน้ำมันดีเซลได้
ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20

Advertisement

ในรุ่นท็อปมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นโหมดขับเคลื่อน
สี่ล้อได้ผ่าน โรเตอร์ สวิตช์ (Rotor Switch) ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังรูปทรงดี-เชป (D-shape) แบบสปอร์ต ปรับปรุงใหม่ควบคุมได้ง่ายขึ้น

ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงก์ (5-Link) นุ่มและลดความโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้ง ช่วยในเรื่องการทรงตัวโดยเฉพาะสำหรับเดินทางไกล

ระบบความปลอดภัยใส่มาค่อนข้างเยอะกับนิสสัน 360 ดีกรี เซฟตี้ ชิลด์ (360 degree Safety Shield Technology) อาทิ เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ช่วยประเมินว่ารถเสี่ยงจะชนรถคันหน้าหรือไม่ คอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และส่งกำลังเบรกเบาๆ หากพบว่าผู้ขับขี่ยังไม่ลดความเร็วและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ หากประเมินว่าเสี่ยงชนสูง ระบบจะเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทันที

เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ทำงานร่วมกับระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection -MOD) ระบบเตือนรถในมุม
อับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert-RCTA) ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning-IFCW) และระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness-IDA)

นอกจากนี้ยังมีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror) ที่ทางนิสสันยืนยันว่ามีรายเดียว ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ระดับเดียวกัน แสดงภาพจากกล้องความละเอียดสูงผ่านกระจกมองหลังอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยชัดเจนขึ้นแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับมุมมองได้ตามต้องการ ระหว่างการแสดงภาพในแบบหน้าจอแอลซีดี (LCD) กับกระจกมองหลังมาตรฐาน

ระบบความบันเทิง เสียงรอบทิศทางจากโบส (Bose Premium Audio System) ลำโพง 8 ตำแหน่งแอมพลิฟายเออร์ เพิ่มอะคูสติก กลาส (Acoustic Glass) ทั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าทำให้คุณภาพเสียงละเอียดสูงในห้องโดยสาร

หน้าจอสัมผัส ดิสเพลย์ ออดิโอ ใหม่ ขนาด 9 นิ้ว และเทคโนโลยี นิสสัน คอนเน็กต์เชื่อมสมาร์ทโฟนผ่านแอปเปิลคาร์เพลย์แบบไร้สาย เป็นครั้งแรกของรถยนต์ระดับเดียวกันรองรับการเชื่อมต่อผ่านแอนดรอยด์ออโต้ เข้าถึงระบบนำทาง (Navigation System) และทุกแอพพลิเคชั่นความบันเทิงต่างๆ ได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว WXGA (1024×768) ละเอียดสูงคมชัด พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) ตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งานและลดแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้โดยสารในแถวสองและสาม มีจอมอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้ว เชื่อมออนไลน์ได้ หรือเชื่อมสมาร์ททีวี พร้อมช่องชาร์จไฟที่ผู้โดยสารทุกคนบนรถ ช่องชาร์จ USB ทั้งประเภท A และ C 5 จุด และมีเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ให้กำลังการชาร์จไฟสูง 15 วัตต์ คอนโซลหน้า

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ออกแบบให้แข็งแกร่ง และหรูหราขึ้น ดีไซน์ไฟหน้า ควอด แอลอีดี (Quad LED) รูปตัวซีเอกลักษณ์ของนิสสัน พัฒนาและตีความแง่มุมใหม่กับ Quad LED 4 ดวงในแต่ละด้าน เพิ่มความสว่าง 34% ด้านท้ายออกแบบใหม่หมด สปอยเลอร์หลังคาไปจนถึงกันชนด้านล่าง ใช้โครเมียมและสีเงินเพิ่มความหรูหรา ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกกว้างกว่าเดิม เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ทั้งเบาะรองนั่งและพนักพิงหลังนั่งสบายขึ้น การปรับแถวที่นั่ง ปรับไม่ยาก มีฟังก์ชั่น ออโต ทัมเบิล ซีท (Auto Tumble Seat) พับเบาะแถวสองอัตโนมัติ เพียงกดปุ่มแบบทีเดียว หรือวัน ทัช (1-touch remote fold & tumble) ที่คอนโซลกลาง ฝาประตูท้ายเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์ใต้กันชนหลัง (Auto Lift Gate)

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มี 4 สี ได้แก่ สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver), สีดำ แบล็ก สตาร์ (Black Star) และสีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray) ขณะที่รุ่น VL (VL 2WD และ VL 4WD) มีสีพิเศษเพิ่ม ได้แก่ สีแดง คูลีส์ (Coulis Red) และสีทองแดง ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper) พร้อมตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน ทั้งโทน สีดำ-แดงเบอร์กันดี (Burgundy) หรือโทนสีดำ-เบจ (Black and Beige)

สำหรับรุ่น 2.3 E 2WD (ขับเคลื่อนสองล้อ) 7AT ราคา 1,199,000 บาท รุ่น 2.3 E 2WD (ขับเคลื่อนสองล้อ) 7AT ราคา 1,449,000 บาท และรุ่น 2.3 VL 4WD (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) 7AT ราคา 1,499,000 บาท

โดยรวมแล้ว นิสสัน เทอร์ร่า บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ดูดีกว่าเดิมเยอะ เพราะปรับปรุงทั้งในแง่รูปร่างหน้าตาให้ดูทันสมัยขึ้น แถมยังใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก พุ่งเป้าหมายไปยังลูกค้ากลุ่มครอบครัวเป็นหลัก สำหรับขับไปทำกิจกรรมทั้งในเมืองและเดินทางไกล ในราคาที่น่าคบหา ถ้าเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image