อสป. ผนึก สถาบันแพทย์ฯ ยกระดับคุณภาพชีวิตประมงไทย ปูพรมสะพานปลา-ท่าเทียบเรือประมง 18 แห่งให้ความรู้-ทักษะปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ องค์การสะพานปลา (อสป.) ได้ร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงและกิจการประมง เพื่อให้ชาวประมงได้รู้วิธีการปฏิบัติในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยกะทันหัน ซึ่งได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมีนายวัชรวิชญ์ กีรติดุสิตโรจน์ รองผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา ด้านพัฒนากิจการประมง และเรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นผู้ลงนาม ที่สะพานปลาสมุทรสาคร
นายวัชรวิชญ์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ครั้งนี้ เพื่อให้ชาวประมงและชาวประมงพื้นบ้าน มีทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในการดูแลตนเองและลูกเรือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือประสบภัยทางทะเล เช่น จมน้ำ หรือได้รับความบาดเจ็บต่างๆ เป็นต้น
“ยอมรับว่าที่ผ่านมาการยกระดับการแพทย์ฉุกเฉิน อสป.ให้ความสำคัญกับทางบกเป็นหลัก ซึ่งทางน้ำมีบ้าง แต่ยังไม่ครอบคลุม ดังนั้นปัญหาที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ คือ พี่น้องชาวประมงได้รับความบาดเจ็บ และเสียชีวิต เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในช่วงฤดูมรสุม และมักจะเกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากไม่รู้วิธิปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี อสป.จึงเล็งเห็นความสำคัญ ด้วยการปรับแผนใหม่ พร้อมร่วมมือกับ สพฉ. เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงและกิจการประมงไทย รวมถึงชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะมุ่งเน้นในทุกพื้นที่ของสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่งที่มีอยู่ทั่วประเทศ” นายวัชรวิชญ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวประมงและกิจการประมง ที่จะทำให้ผู้ประกอบอาชีพประมง ผู้ประกอบกิจการประมง ผู้ปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ประชาชน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ตระหนักถึงความปลอดภัย การป้องกันการบาดเจ็บและเจ็บป่วยฉุกเฉิน รวมถึงการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการบูรณาการและต่อยอดงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในการวางแนวทางและมาตรฐานการจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อพัฒนากิจการประมงให้ขยายผลออกไปในวงกว้าง และเป็นไปตามมาตรฐานสากลต่อไป
นายวัชรวิชญ์ กล่าวต่อว่า อสป. เป็นรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักในการให้บริการใช้สถานที่ เป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำ อีกทั้งยังมีการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการแก่ชาวประมง กิจการแพปลา ซึ่งปัจจุบันการประกอบอาชีพทำประมง มีความเสี่ยงมาก ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวประมง การให้ความรู้ในการป้องกันการบาดเจ็บและเจ็บป่วยฉุกเฉิน การพัฒนาทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพฉุกเฉิน และการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างถูกต้องและทันท่วงที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “สมศักดิ์” ถกบอร์ด สพฉ. นัดแรก เจอปัญหาหน่วยบริการน้อยเกิน 46% ทำคนตายนอก รพ. ปีละ 1 แสนคน
- บินหน้าฝน เสี่ยงเจอหลุมอากาศ แพทย์ฉุกเฉินเตือน ต้องคาดเข็มขัดทุกครั้ง
- กอ.รมน.จับมือ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินฯ บูรณาการรับมือภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว
- สพฉ. โอนเงินชดเชยหน่วยกู้ชีพ ‘งวดแรก’ แล้ว 32.5 ล้าน ที่เหลือเร่งคีย์ ‘จ่ายรอบถัดไป’