ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
---|
ความชัดเจนในการบังคับใช้ น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาใกล้ชิด
นั่นเพราะเดิมมีการตั้งเป้าหมายจะเริ่มบังคับใช้ 1 มกราคม 2565 แรงกระตุ้นหลักมาจากปัญหาฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ที่รุนแรงในประเทศก่อนแผนจะถูกกระทบเนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่สะท้อนว่าดำเนินการไม่ทัน จึงมีข้อเสนอให้เลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 2 ปี เป็นปี 2567
วาระการเลื่อนบังคับใช้น้ำมันยูโร 5 ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ถูกตีกลับไปให้ทบทวนใหม่
ปมการทบทวนครั้งนี้มาจากความเห็นต่างของหน่วยงานรัฐ โดยฝ่ายที่ต้องการให้เลื่อน มองว่ามาตรฐานดังกล่าวเป็นภาระของผู้ผลิตในการอัพเทคโนโลยีช่วงนี้ ขณะที่ผู้บริโภคต้องซื้อน้ำมันแพงขึ้น รถยนต์จะแพงขึ้นประมาณ 25,000-55,000 บาท และมองว่าจะกระทบเกษตรกรผู้ปลูกพืชพลังงาน เพราะจะถูกดูดซับน้อยลง อาทิ ปาล์มน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุว่าเครื่องยนต์ยูโร 5 ไม่สามารถใช้น้ำมันบี 10 ได้
ส่วนฝ่ายสนับสนุนมองว่าควรเดินหน้าตามแผน เพราะเป็นตัวชี้วัดขีดแข่งขันของประเทศทางหนึ่ง และหากมองประเทศคู่แข่งการลงทุนอย่างประเทศเวียดนามกลับกล้าประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2564 จนเริ่มใช้แนวทางนี้กีดกันสินค้ารถยนต์จากไทย บวกกับปัจจุบันผู้ผลิตน้ำมันและผู้ผลิตรถยนต์ในไทยสามารถผลิตตามมาตรฐานยูโร 5 ได้แล้ว ส่วนประเด็นปาล์มน้ำมันไทยต้องปรับตัวไปเทคโนโลยีอื่น ไม่ควรมุ่งผลิตน้ำมันอย่างเดียว เพราะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าเรื่องนี้จะถูกพิจารณาในที่ประชุม ครม.อีกครั้งเร็วๆ นี้ โดยสิ่งที่ต้องจับตาคือ หลังจากมีการส่งหนังสือเวียนเพื่อสอบถามความเห็น ปัจจุบัน บีโอไอเป็นหน่วยงานเดียวที่ยังยืนกรานการให้บังคับใช้ปี 2565
บทสรุปน้ำมันยูโร 5 จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม!!