‘พิพัฒน์’ อ้อน ‘ศบศ.’ เปิด ‘พัทยา’ รับต่างชาติเที่ยวไม่กักตัวแบบแซนด์บ็อกซ์ เริ่ม 1 ต.ค.นี้

‘พิพัฒน์’ อ้อน ‘ศบศ.’ เปิด ‘พัทยา’ รับต่างชาติเที่ยวไม่กักตัวแบบแซนด์บ็อกซ์ เริ่ม 1 ต.ค.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวได้ประชุมหารือเพื่อติดตามความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งครอบคลุมเมืองพัทยา และอำเภอสัตหีบ ภายใต้โครงการพัทยา มูฟออน ซึ่งกำหนดเปิดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ พร้อมกับอีก 4 จังหวัด ตามแผนการเปิดประเทศระยะที่ 2 ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่หัวหิน) เพชรบุรี (พื้นที่ชะอำ) รวมเป็น 5 จังหวัด โดยได้ปรับรูปแบบโครงการพัทยา มูฟออน ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นการกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวเฉพาะ (ซีลรูต) คล้ายรูปแบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ สามารถท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวภายในจังหวัดภูเก็ต โดยขั้นตอนต่อไป กระทรวงการท่องเที่ยวจะนำเสนอแผนการปรับรูปแบบโครงการพัทยา มูฟออน เป็นการใช้ซีลรูตเหมือนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ในวันที่ 17 กันยายนนี้ พร้อมเสนอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีในลักษณะ 7+7 หรือการเที่ยวเชื่อมโยงในจังหวัดอื่นๆ ได้ อาทิ นักท่องเที่ยวอยู่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ครบ 7 วันแรกแล้วมาเที่ยวในชลบุรีช่วง 7 วันหลัง หรือท่องเที่ยว 7 วันแรกที่ชลบุรี แล้วไปต่อที่ภูเก็ตใน 7 วันหลัง เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางและเพิ่มความหลากหลายให้กับพื้นที่การท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

“การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัดตามแผนนั้น ประเด็นสำคัญคือ จะต้องมั่นใจว่าประชากรในพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขหลักในการเปิดประเทศ ที่หากไม่ผ่านข้อนี้ โอกาสที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีความเสี่ยงสูงทั้งกับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวด้วย ส่วนการกำหนดรูปแบบท่องเที่ยมเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดนั้น ขณะนี้รวมจังหวัดที่เปิดนำร่องรับนักท่องเที่ยวมี 9 จังหวัดแล้ว แบ่งเป็น เปิดระยะที่ 1 จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ 1.ภูเก็ต 2.กระบี่ 3.พังงา 4.สุราษฎร์ธานี และระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัด ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 2.เชียงใหม่ 3.เพชรบุรี 4.ประจวบคีรีขันธ์ และ 5.ชลบุรี ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกระจายรายได้ไปหลายจังหวัดมากขึ้น“ นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวว่า การเดินหน้าตามแผนเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่เห็นยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่าการเดินทางในประเทศจะสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากทั้งเดือนกันยายนนี้จะเป็นช่วงเดือนที่มีวัคซีนเข้ามาเพิ่มอีกจำนวนมาก ทำให้เดือนกันยายนจะเป็นเดือนแห่งการเร่งฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว การเดินทางจึงน่าจะฟื้นตัวกลับมาในเดือนถัดไป หลังจากนั้นจะเดินหน้าตามแผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางไว้ ส่วนเกณฑ์การเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว จะมุ่งเปิดเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง สมุทรปราการ กระบี่ ตรัง นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ยะลา สงขลา สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น และนครราชสีมา เป็นหลักก่อน รวมถึงระยะถัดไปจะเปิดจังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เลย อุบลราชธานี ระนอง สตูล น่าน กาญจนบุรี และราชบุรี รวมถึงพื้นที่นำร่องที่มีสินค้าการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่น ประกอบด้วย ลำพูน แพร่ นครศรีธรรมราช และพัทลุง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image