1 ต.ค. ‘พัทยา’ เปิดรับต่างชาติแต่เงื่อนไขไม่ดึงดูด หวั่นนักท่องเที่ยวหนีซบคู่แข่ง

‘พัทยา’ ยังตึง รัฐปักธงเปิดรับต่างชาติ 1 ต.ค.นี้ แต่เงื่อนไขยังไร้แรงดึงดูด หวั่นนักท่องเที่ยวหนีซบคู่แข่ง

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีขณะนี้ หลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา เริ่มเห็นตลาดคนไทยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่บางแสน ที่มีความคึกคักมากกว่าพื้นที่พัทยา แต่เป็นลักษณะการเดินทางท่องเที่ยวแบบวันเดียว หรือไปเช้าเย็นกลับ ทำให้โรงแรมที่พักในจังหวัด หรือแหล่งท่องเที่ยวยังไม่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกมากนัก โดยผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี ขณะนี้ก็ยังคงปิดให้บริการอยู่ โดยเฉพาะโรงแรมที่มีขนาดเล็กด้วย และตั้งอยู่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวหลัก หรือไม่ได้อยู่ติดชายหาด จะไม่ได้รับความนิยมในการใช้บริการมากนัก บวกกับสถานการณ์ของโรงแรมเหล่านี้ ที่ต้องปิดตัวชั่วคราวเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่การระบาดโควิด-19 ครั้งแรก ช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ทำให้ไม่สามารถยื้อการจ้างพนักงานไว้ได้ ก็ต้องเลิกจ้างและพนักงานบางส่วนก็เดินทางกลับภูมิลำเนาไปแล้ว ทำให้การกลับมาเปิดให้บริการใหม่ยังไม่ได้มีความพร้อม หรือมีความสามารถมากนัก โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ ทั้งตลาดคนไทย และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ความต้องการ (ดีมานด์) สำหรับโรงแรมเล็กยังมีไม่เพียงพอ ส่วนโรงแรมขนาดกลาง-ใหญ่ มีเปิดให้บริการเพียง 30% เท่านั้น โดยเชื่อว่าหากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย เข้ามาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) บรรยากาศการท่องเที่ยวของตลาดในประเทศ อาจไม่ได้ดีมากเท่าที่คาดหวังไว้

นายธเนศกล่าวว่า สำหรับความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จากการประเมินเงื่อนไขในการเปิดรับนักท่องเที่ยว เบื้องต้นพบว่ามีหลายเงื่อนไขที่ยังสู้คู่แข่งไม่ได้ อาทิ ตลาดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย อินเดีย จะให้ความสำคัญกับเงื่อนไขในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรสามารถเดินทางเที่ยวได้ทั่วไปทันที เหมือนที่นิยมเดินทางเที่ยวประเทศเวเนซุเอลา ตุรกี เนื่องจากเมื่อได้รับวัคซีนครบโดส สามารถเที่ยวได้ทันทีแบบไม่ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมอีก แต่เงื่อนไขของประเทศไทย หากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังต้องตรวจหาเชื้อผ่านวิธีอาร์ทีพีซีอาร์เพิ่มอีก 3 ครั้ง ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งความจริงหากประเมินการทำตลาดท่องเที่ยวอื่น พบว่า นักท่องเที่ยวชาวแถบยุโรป มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวรวมตั๋วเครื่องบินไปกลับ ค่าโรงแรมที่พัก 12 คืน และการทรานเฟอร์ประมาณ 3 หมื่นบาท เพราะไม่ได้เสียค่าตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม แต่หากมาเที่ยวไทย จะต้องเสียค่าตรวจอาร์ทีพีซีอาร์ 3 ครั้ง ประมาณ 8,500 บาท ซึ่งคิดเป็นเงินเกือบ 50% ของแพคเกจท่องเที่ยวดังกล่าวแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเข้ามาเที่ยวไทย ต้องเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบหรือรักประเทศไทยจริงๆ จึงจะเลือกเดินทางมา

“ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาในช่วงแรก 20-30% ของจำนวนปีปกติก่อนเกิดโควิดระบาด ช่วงปี 2562 ถือว่าดีมากแล้ว เนื่องจากปีปกติมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวจังหวัดชลบุรีกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน หรือทั้งปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวจังหวัดชลบุรี จำนวน 9.9 ล้านคน สร้างรายได้ 2.1 ล้านล้านบาท จึงประเมินว่า 3 เดือนสุดท้ายของปี จะมีต่างชาติเข้ามาประมาณ 3-5 แสนคน แต่หากสามารถปลดล็อกให้ตลาดรัสเซีย และอินเดีย เข้ามาเที่ยวได้สะดวกมากขึ้น อาจดันจำนวนเพิ่มเป็น 6-8 แสนคนได้ ขึ้นอยู่กับการปลดล็อกเงื่อนไขของรัฐบาล อาทิ การตรวจหาเชื้อลดเหลือ 1 ครั้ง จากเดิม 3 ครั้ง และสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งคนไทยอาจมีความกังวลว่า หากปล่อยให้สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จะเกิดการระบาดโควิดกลับมา แต่ต้องยอมรับว่าชาวตะวันตกมีวัฒนธรรมในดื่มไวน์ร่วมกับมื้ออาหาร ไม่ได้เป็นการดื่มเพื่อสังสรรค์เป็นจำนวนมาก ทำให้ลดจำกัดเหล่านี้เป็นตัวลดทอนความน่าสนใจมาเที่ยว” นายธเนศกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image