ล็อกดาวน์ ส่งผลตั้งบริษัทใหม่ ส.ค. เพิ่มแค่ 0.3% ยอดรวม 8 เดือน โต 18%

ล็อกดาวน์ ส่งผลตั้งบริษัทใหม่ ส.ค. เพิ่มแค่ 0.3% ยอดรวม 8 เดือน โต 18%

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ว่า ยอดจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวน 5,553 ราย เพิ่มขึ้น 0.3% เทียบเดือนสิงหาคม 2563 ทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 11,833.29 ล้านบาท โดย 3 ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 656 ราย คิดเป็น 12% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 237 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร 203 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ โดยช่วงทุนจัดตั้งใหม่มากสุด คือช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,135 ราย คิดเป็น 74.46%

สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม มีจำนวน 1,176 ราย หรือลดลง 12% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน ทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 4,832.30 ล้านบาท ซึ่ง 3 ธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 103 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 68 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจการให้คำปรึษาด้านบริหารจัดการ 37 ราย คิดเป็น 3% โดยช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาทเลิกประกอบกิจการมากสุด 834 ราย คิดเป็น 70.92% ทำให้ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ 807,531 ราย มูลค่าทุน 19.31 ล้านล้านบาท และช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มี 479,243 ราย คิดเป็น 59.35%

“โดย 8 เดือนแรกปีนี้ ยอดตั้งบริษัทใหม่รวม 52,236 ราย เพิ่มขึ้น 17% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีทุนจดทะเบียน 1.58 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ยอดเลิกกิจการรวม 8 เดือน 7,246 ราย ลดลง 18% ทุนจดทะเบียน 3.94 หมื่นล้านบาท บวก 0.04%”

Advertisement

นายทศพล กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเดือนสิงหาคม มีผลมาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ยังคงเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งการจากัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น งดรับประทานอาหารในร้านอาหาร และมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีผลใช้บังคับถึง 31 สิงหาคม เมื่อพิจารณาการลดลงจำนวนจัดตั้งธุรกิจเดือนสิงหาคม 2564 เทียบกับเดือน กรกฎาคม 2564 มีแนวโน้มลดลง

เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย สิงหาคม อยู่ที่ 40 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึง 4% จากโควิด – 19 ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจชะลอตัว เพื่อติดตามสถานการณ์อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กันยายน และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่เพียงพอ จะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นที่ดีช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งการฟื้นตัวของ การส่งออก และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นปัจจัยเสริมที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

นายทศพล กล่าวว่า สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนสิงหาคม มีการอนุญาต 52 ราย เม็ดเงินลงทุน 5,416 ล้านบาท มากที่สุด จาก ญี่ปุ่น 20 ราย เงินลงทุน 1,646 ล้านบาท รองลงมาสิงคโปร์ 9 ราย เงินลงทุน 2,132 ล้านบาท และสหรัฐ 6 ราย เงินลงทุน 145 ล้านบาท โดย 8 เดือนแรก2564 คนต่างชาติได้รับอนุญาตรวม 316 ราย มีเงินลงทุน 45,738 ล้านบาท

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image