“จุรินทร์”เร่งลดต้นทุนกระป๋องใส่อาหารเพื่อส่งออก สร้างสมดุลทั้งนำเข้าเหล็กและผลิตเอง

“จุรินทร์”เร่งลดต้นทุนกระป๋องใส่อาหารเพื่อส่งออก เตรียมออนทัวร์เหนือติดตามน้ำท่วม

วันที่ 29 กันยายน เวลา 15.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เยี่ยมชมโรงงานผู้ผลิตเหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยดีบุก โครเมี่ยม ณ บจก.แผ่นเหล็กวิลาสไทย ถนนปู่เจ้าสมิงพราย อําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และกล่าวว่า โรงงานนี้นำเข้าเหล็กม้วนมาชุบโครเมียมและชุบดีบุก มาตัดให้เป็นแผ่นในการทำกระป๋องสำหรับการใส่อาหารทะเล ผลไม้อาหารกระป๋อง เพื่อการส่งออก ขณะนี้มีประเด็นเหล็กจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีราคาถูกกว่าเหล็กที่ผลิตในประเทศประมาณ 13% เนื่องจากเมื่อนำไปบรรจุเป็นอาหารทะเลกระป๋อง จะมีต้นทุนกระป๋อง 12.5% ผลไม้กระป๋องต้นทุนเฉพาะกระป๋อง 50% ดังนั้น กระป๋องจึงมีส่วนสำคัญเป็นต้นทุนของผู้ผลิตอาหารทะเลและผลไม้หรืออาหารชนิดอื่นที่บรรจุกระป๋องเพื่อการส่งออก ถ้าสามารถลดต้นทุนตรงนี้ได้การแข่งขันอาหารกระป๋องของประเทศไทยในตลาดโลกก็สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ตามโจทย์ของตน คือ จะสร้างสมดุลได้อย่างไร ระหว่างโรงงานผลิตแผ่นเหล็กที่ทำกระป๋องก็จะต้องอยู่ได้ ปัจจุบันมีอยู่ 2 โรงงานใหญ่ กับทำอย่างไรให้อาหารกระป๋องของไทยลดต้นทุนกระป๋องลงไปได้ด้วย เป็นโจทย์ที่ต้องไปหาความสมดุลต่อไป เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมผลิตเหล็กแผ่นชุบโครเมียมกับชุบดีบุกสามารถอยู่ได้และผู้ผลิตส่งออกอาหารกระป๋องของไทยก็สามารถอยู่ได้ แข่งขันในตลาดโลกได้ด้วย อย่างไรก็ตาม มีทางออกอยู่ อีกไม่กี่วัน ตนจะนัดประชุมคณะกรรมการทุ่มตลาด เพื่อหาทางออกเป้าหมายใหญ่คือช่วยทั้งโรงงานผลิตแผ่นเหล็กชุบดีบุกและชุบโครเมียมที่จะไปทำกระป๋องและช่วยผู้ประกอบการอาหารกระป๋องที่จะส่งออกต่อไปทั้ง 2 ส่วนให้สมดุลกัน ทั้งนี้ เหล็กแผ่นม้วนที่ผลิตในประเทศราคาประมาณ 37,000 บาทต่อตัน ถ้านำเข้าในจะเหลือ 33,000 บาทต่อตัน ประเด็น คือ ถ้าปล่อยให้เหล็กจากนอกมาตีตลาดในไทยโรงงานในไทยจะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าซื้อแต่เฉพาะเหล็กในประเทศต้นทุนกระป๋องของผู้ประกอบการธุรกิจอาหารกระป๋องส่งออกก็จะแพง จึงต้องหาความสมดุล จะได้ช่วยให้ทั้ง 2 อุตสาหกรรม เป็นการบ้านของตนจะไปคุยในคณะกรรมการทุ่มตลาด

นายจุรินทร์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงน้ำท่วม ว่า ตอนนี้ยังไม่มีคนร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 แต่ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดกำชับว่าห้ามให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาขึ้นเด็ดขาด โดยมีข้อหาจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และวันที่ 30 กันยานถึง 2 ตุลาคม จะเดินทางไปภาคเหนือหลายจังหวัด ไปติดตามสถานการณ์สินค้าและราคาสินค้าในพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงมีการประชุมพาณิชย์จังหวัดหรือทีมเซลล์แมนจังหวัดในแต่ละจังหวัดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ถ้าสินค้าชนิดใดที่เรามีประสบการณ์ว่าหลังน้ำท่วมอาจจะขาดตลาดก็ให้เร่งดำเนินการเตรียมการ อย่าให้ขาดเช่น สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดบ้านเรือน หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยหรือสินค้าที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image