ปลื้มกรุงเทพที่1ท่องเที่ยวโลก ฟุ้งต่างชาติมาทัวร์33ล้าน แอตต้า ชี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย

ก.ท่องเที่ยวปลื้มจัดอันดับกรุงเทพฯเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก จากบริษัทมาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล แซงหน้า ลอนดอน ดูไบ ปารีส และนิวยอร์ก จากความมั่นใจทั้งด้านสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัย เบื้องต้นคาดว่าในปีนี้กรุงเทพมหานครจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 21.5 ล้านคน ปี 2560 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแผนสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในมาตรการต่างๆ ได้แก่ การต่อยอดโครงการประชาสัมพันธ์และเตือนภัยด้านท่องเที่ยว ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 ด้วยการสร้างเครือข่ายในพื้นที่ ร่วมมือกันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมธุรกิจนำเที่ยวต่างๆ สมาคมโรงแรมและสมาคมภัตตาคาร มาตรการขยายศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจากเดิม 16 แห่งใน 14 จังหวัด ให้เป็น 20 แห่งภายในปีนี้ และวางแผนจะเปิดให้ครบทุกจังหวัดในอนาคต ขณะที่มาตรการเพิ่มกำลังตำรวจท่องเที่ยวนั้น ในปี 2560 เพิ่มกำลัง เป็น 1,700 อัตรา จากเดิมประมาณ 800 อัตรา รวมถึงได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวจัดซื้อเรือสปีดโบ๊ตเพิ่มอีก 20 ลำ สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัยด้วยเรือเร็ว เพื่อเริ่มประจำการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แบ่งประจำการฝั่งอ่าวไทย 10 ลำ ดูแลความปลอดภัยจังหวัดชลบุรี ระยอง ส่วนอีก 10 ลำ ประจำการฝั่งอันดามัน ดูแลความปลอดภัยจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่

ยันปีนี้ต่างชาติเที่ยวไทย31ล.คน

นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า มาตรการวางระบบประกันภัยนักท่องเที่ยวได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว จะนำเงินค่าวีซ่ามาซื้อประกันให้กับนักท่องเที่ยว จากบริษัทประกันภัยเอกชนทดแทนการจ่ายเงินจากกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยว เดิมขั้นตอนค่อนข้างมาก ส่งผลให้การดำเนินการบางส่วนล่าช้า กรณีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจะจ่ายเงินชดเชย 1 ล้านบาทต่อคน ส่วนกรณีบาดเจ็บจะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 5 แสนบาท หากเป็นไปตามแผนวางไว้คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป สำหรับความคืบหน้าการจัดทำราคากลางของทัวร์จีน ล่าสุดนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาได้กำหนดออกมาที่ 1,000 บาทต่อคนต่อวัน จะออกประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ภายหลังผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมของคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในวันที่ 30 กันยายนนี้

นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนกว่า 25 ล้านคนแล้ว ส่วนตัวยอมรับว่าชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 33 ล้านคนอย่างแน่นอน

เอกชนขานรับกรุงเทพฯน่าเที่ยว

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวโหวตให้กรุงเทพฯเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกว่า เป็นข้อดี จะเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยไปในตัวสำหรับข้อดีของแหล่งท่องเที่ยวในไทย ได้เปรียบเรื่องสภาพภูมิอากาศ บรรยากาศแหล่งท่องเที่ยว และราคาสินค้าถูกแต่มีคุณภาพ แม้ว่าขณะนี้รัฐกำลังจริงจังปราบทัวร์ต้นทุนต่ำหรือทัวร์ศูนย์เหรียญ อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาโดยการใช้บริการทัวร์อาจจะลดน้อยลง

Advertisement

ศูนย์กลางท่องเที่ยวอาเซียน

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในอนาคตจะพุ่งเป้ามาเอเชียมากขึ้น จึงทำให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“อาจจะเรียกได้ว่ากรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอาเซียน เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ แหล่งท่องเที่ยวมีความหลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร การช้อปปิ้งก็โดดเด่น จึงทำให้เป็นเมืองจุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นายอิทธิฤทธิ์กล่าว

นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวโหวตส่วนใหญ่อาจจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในเอเชีย กรุงเทพฯจึงเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมา ทั้งในแง่การเดินทางสะดวกและอาหารการกิน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายการเดินทางถูกมากเมื่อเทียบกับการเดินทางไปลอนดอน อย่างไรก็ตาม ไทยจะได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในอนาคตกรุงเทพฯจะมีการเดินทางที่มีทางเลือกมากขึ้น ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน อันเป็นผลมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ

Advertisement

กนง.ห่วงปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า แนวโน้มอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยในช่วงที่เหลือของปี 2559 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีความเสี่ยงต้องติดตามเพิ่มขึ้น แม้ว่า กนง.ปรับประมาณการจีดีพีเพิ่มขึ้น 3.2% จากเดือนมิถุนายน คาดว่าจะขยายตัว 3.1% เป็นผลมาจากการบริโภคเอกชนขยายตัวดีกว่าคาด แต่เป็นปัจจัยชั่วคราว ปัจจัยเสี่ยงในประเทศต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของนักท่องเที่ยวจีน ขณะนี้ผู้ประกอบการกังวลมากขึ้นและไม่แน่ใจว่าจะยกเลิกเที่ยวบินหรือยกเลิกการจองโรงแรมมากน้อยเพียงใด กนง.กังวลว่าผลกระทบมากกว่าคาด เคยประเมินไว้ว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ให้ลดลง 2 แสนคน และปี 2560 ลดลงอีก 1 แสนคน จึงต้องประเมินผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวใหม่ อาจจะกระทบต่อจีดีพี เพราะปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนกว่า 15% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดิมมีสัดส่วน 9-10% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ความสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (ช็อก) ทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนอาจน้อยกว่าคาด เนื่องจากพบว่าหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และยังอยู่ในช่วงขาขึ้น อาทิ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้

ศก.ส่อชะลออีกถ้าไม่กระตุ้น

นายจาตุรงค์กล่าวว่า ด้านผลกระทบต่างประเทศได้แก่ เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าขยายตัวได้ต่ำกว่าคาด ผลจากการลงประชามติของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) กนง.ปรับลดประมาณการจีดีพีประเทศคู่ค้าขยายตัว 2.9% จากเดิมคาดขายตัว 3.0% และปรับลดประมาณการขยายตัวของประเทศต่างๆ ลงเกือบทั้งหมด เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าขยายตัวต่ำส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะติดลบ 2.5% และปี 2560 ติดลบ 0.5% การบริโภคอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว แต่ระยะต่อไปอาจชะลอลงหากไม่มีมาตรการกระตุ้นภาครัฐเพิ่มเติม เพราะรายได้จากการส่งออกลดลง และส่งผลต่อเนื่องถึงภาคการผลิตและการลงทุนเอกชนขยายตัวต่ำ หากไม่มีการลงทุนระยะต่อไปจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของไทยได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image