‘อาคม’ ชี้ไม่จำเป็นต้องลดภาษีน้ำมันเพื่อตรึงราคา ‘สันติ’ มองราคาพุ่ง สะท้อนโควิดคลาย คนเริ่มเดินทาง

‘อาคม’ ชี้ไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดภาษีน้ำมัน เพื่อตรึงราคา กองทุนยังมีเงินเพียงพอ ‘สันติ’ มองราคาน้ำมันพุ่ง สะท้อนโควิดคลายตัว คนเริ่มเดินทาง เห็นสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการดูแลลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นนั้น ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของน้ำมันดีเซล บี7 จาก 1 บาท เหลือเพียง 1 สตางค์เท่านั้น และยังลดค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไปแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เนื่องจากต้องรอประเมินสถานการณ์น้ำมันก่อน และกองทุนน้ำมันยังมีเงินเพียงพอในการเข้ามาดูแลอยู่

“ยังต้องติดตามสถานการณ์ เพราะตามนโยบายเราต้องพยุงไว้ไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานก็ใช้สูตรลดราคาน้ำมันหลายประเภท เพื่อทำให้อัตราการชดเชยราคาง่ายขึ้น และกองทุนน้ำมันยังมีวิธีบริหารจัดการอีกหลายทาง ดังนั้นจึงต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน” นายอาคม กล่าว

ด้าน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเข้าไปดูแลผลกระทบประชาชนจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นนั้น สามารถใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทได้ เพราะถือเป็นการเยียวยาผลกระทบ ซึ่งกระทรวงการคลังมีหน้าทีต้องดูแลทุกภาคส่วนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และมองว่าเงินจากกองทุนน้ำมันที่มีอาจต้องกันไว้เผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในอนาคต

นายสันติ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากการเดินทางมากขึ้นเพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ฉะนั้นเมื่อความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันยังเท่าเดิมก็ส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้นตาม แต่ทั้งนี้ต้องติตตามสถานการณ์ราคาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะขณะนี้กลุ่มประเทศโอเปก ได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว เชื่อว่าแนวโน้มอาจทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฉะนั้นมาตรการลดภาษีน้ำมัน อาจจะยังไม่จำเป็น เนื่องจากกระทรวงพลังงานมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image