‘พลังงาน’ จัดให้ เติมน้ำมัน ‘ดีเซล’ ราคาเดียว ไม่เกินลิตรละ 30 ลดผลกระทบประชาชน เริ่ม 11 ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่ มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ได้ออกมาตรการชั่วคราวระยะสั้นปรับสัดส่วนผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลบี 7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา(บี10) ลดลงเหลือ 6% และกำหนดให้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานชั่วคราว
เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นไปตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงอยู่ในระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11-31 ตุลาคม 2564 และผู้ใช้น้ำมันดีเซล สามารถใช้บริการได้ทั้งจากหัวจ่ายน้ำมันดีเซลบี 7 และหัวจ่ายของน้ำมันดีเซลบี10 ได้ตามปกติ ใช้ได้กับรถยนต์ดีเซลทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
นายสมภพ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของซีกโลกตะวันตก และผลกระทบต่อเนื่องจากพายุในสหรัฐอเมริกาที่ทำให้การผลิตน้ำมันต้องหยุดชะงัก รวมทั้งการจำกัดการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปค
ทั้งหมดไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งผลให้ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมมาตรการระยะยาวรับมืออย่างทันท่วงทีต่อสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างอย่างดีที่สุด
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) แจ้งว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุดพบว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ เพิ่มขึ้นมากกว่าสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และในรอบ 3 ปีสำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ 420.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลง 4 แสนบาร์เรล เนื่องจากสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาแตะระดับ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับก่อนที่จะมีการเกิดพายุเฮอร์ริเคนไอดาและนิโคลัสเมื่อปลายสิงหาคมที่ผ่านมา
