‘พิพัฒน์’ แจงแผนดึง ‘ลิซ่า-อันเดรอา’ เคาต์ดาวน์รับปี 2022 ย้ำเอาจริงหลังนายกฯ รับทราบแล้ว
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า แผนการทาบทาม ลิซ่า แบล็คพิงก์ หรือ นางสาวลลิษา มโนบาล ในฐานะศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวที่มียอดวิวสูงสุดบนแอพพลิเคชั่นยูทูบภายใน 24 ชั่วโมง และอันเดรอา โบเชลลี นักร้องโอเปร่าชื่อดังอันดับ 1 ของโลกชาวอิตาลี ร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ 2022 โดยจากการหารือร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการ (เอเจนซี่) ในประเทศไทย ของทั้ง 2 ศิลปิน เมื่อดูตารางและเวลางาน พบว่ามีความเป็นไปได้ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาศิลปิน 2 คนนี้สามารถเดินทางมาเมืองไทยได้แน่ ซึ่งงบประมาณที่จะใช้คาดว่าอยู่ที่ 500-600 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณของรัฐบาล 200 ล้านบาท ส่วนอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท จะเป็นงบจากเอกชนที่จะร่วมสนับสนุนงานอีเวนต์กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างภาพท่องเที่ยวไทยให้ออกไปสู่สายตาชาวโลก โดยยืนยันว่าแนวคิดนี้รัฐบาลเดินหน้าทำจริงจังแน่นอน เนื่องจากได้มีการติดต่อกับทางผู้ประสานงานแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่หลายคนอาจมองว่าอยู่ค่อนข้างสูงนั้น หากพิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง ทั้งในเชิงสังคมและเศรษฐกิจ
“ได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแผนการเชิญทั้ง 2 ศิลปินมาร่วมกิจกรรมเคาต์ดาวน์ในประเทศไทยแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดประเทศท่องเที่ยว และเพื่อสร้างกำลังใจให้กับคนไทยเอง ที่ต้องฝ่าฟันวิกฤตการระบาดโควิด-19 ไปด้วยกัน เพราะการจัดงานครั้งนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัด เพื่อสร้างกำลังใจให้คนไทย รวมถึงเพื่อดึงสายตาจากคนทั่วโลกให้หันมามองประเทศไทย และเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ตามแผนการจัดกิจกรรม วางตัวลิซ่า แบล็คพิงก์ ร่วมเคาต์ดาวน์ในจังหวัดภูเก็ต ที่ ททท.จะจัดเป็นอีเวนต์ระดับโลกโปรโมตภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (World Class Destination) ส่วน อันเดรอา โบเชลลี ศิลปินที่เคยแสดงคอนเสิร์ตเรียกน้ำตาจากคนทั่วโลก ที่มหาวิหารดูโอโม แสดงคอนเสิร์ต Music For Hope เพื่อส่งกำลังใจ ความรัก การเยียวยา และความหวังแก่ชาวอิตาลี ผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ในวันอีสเตอร์ ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่ผู้คนทั่วโลกพูดถึง จะร่วมเคาต์ดาวน์ที่กรุงเทพมหานคร โดยจะใช้ฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว และสนามหลวง เพื่ออวดประเทศไทยต่อสายตาคนทั่วโลก ซึ่งการแสดงในกรุงเทพฯต้องหารือกับผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ก่อนว่าจะสามารถดำเนินการได้ในรูปแบบที่วางแผนไว้หรือไม่
