| ผู้เขียน | ศศวัชร์ คมนียวนิช |
|---|
เป็นเรื่องที่โจษจันกันมาก เมื่อผู้ใช้บัตรเดบิตหลายคนโดนดูดเงินออกไปโดยไม่รู้ตัวรายการที่โดนดูดเงินส่วนใหญ่ได้รูดสั่งซื้อทางออนไลน์ โดยก่อนหน้านี้บัตรเครดิตโดนรูดออกไปไม่รู้ตัวเช่นกัน
เบื้องต้นสมาคมธนาคารไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกแถลงการณ์สดๆ ร้อนๆ ว่าไม่ได้รั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอพพ์ดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ผู้เชี่ยวชาญออกมาระบุเช่นกันว่า ปัญหาไม่ได้เกิดที่ตัวธนาคารต้นทาง เนื่องจากระบบปลอดภัยสูงมาก แต่อยู่ที่ผู้ใช้งานไปทำธุรกรรมทางออนไลน์ แล้วเกิดการแฮกข้อมูลระหว่างทาง หรือเกิดข้อมูลรั่วไหลจากฝั่งผู้ให้บริการการชำระเงิน ซึ่งปลอดภัยน้อยกว่าทางฝั่งธนาคาร
เมื่อโดนหักเงินออกไป ผู้ใช้งานต้องรีบอายัดบัตรต่างๆ โทรศัพท์ไปหาคอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าไม่ได้ทำธุรกรรมที่ระบุไว้ หรือขอยกเว้นรายการจ่ายตัวนั้น
ธนาคารไทยพาณิชย์แนะนำการป้องกัน 6 วิธีด้วยกัน 1.อย่าให้ หรือกรอกข้อมูลส่วนตัวในทันที เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความขอข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า อาทิ เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร รหัสผ่านต่างๆ
2.สังเกตลิงก์ที่แนบมากับข้อความเสมอว่าลิงก์นั้นเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงหรือไม่ โดยเว็บไซต์ของธนาคารจะขึ้นต้นด้วย https:// เท่านั้น และมีสัญลักษณ์รูปกุญแจอยู่ด้านหน้าชื่อ รวมทั้งต้องตรวจสอบชื่อ URL ว่าถูกต้องหรือไม่ 3.ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ เพราะมีช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเจาะเอาข้อมูลสำคัญ อาทิ Username, Password
4.จำกัดวงเงินเบิกถอนต่อวันเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเงินจำนวนมาก 5.หากเผลอให้ข้อมูลไปแล้ว รีบเปลี่ยนรหัสในการทำธุรกรรมต่างๆ ทันที แล้วรีบติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัญชีและแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ 6.บอกต่อให้กับคนอื่นๆ ถึงภัยมิจฉาชีพพวกนี้
เจอช่องโหว่รูใหญ่ขนาดนี้ ควรเร่งพัฒนาระบบป้องกันภัย เพื่อสร้างความปลอดภัยผู้ใช้งานนับจากนี้!!
