สศก.เผยพายุ 6 ลูก ส่งผลไทยเกิดน้ำท่วมกระทบพื้นที่การเกษตร 5.37 ล้านไร่ เสียหายกว่า 8 พันล้าน

สศก.เผยพายุ 6 ลูก ส่งผลไทยเกิดน้ำท่วมกระทบพื้นที่การเกษตร 5.37 ล้านไร่ เสียหายกว่า 8 พันล้าน

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลกระทบของภาคเกษตรจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2564 ว่า ปัจจุบันยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากอิทธิพลร่องมรสุมและพายุต่างๆ ประมาณ 6 ลูก ได้แก่ 1.พายุไซโคลน ยาอาส เมื่อวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2564 2.พายุโคะงุมะ เมื่อวันที่ 12-13 มิถุนายน 2564 3.พายุโซนร้อนโกนเซิน เมื่อวันที่ 9-10 กันยายน 2564 4.พายุโซนร้อน เตี้ยนหมู่ เมื่อวันที่ 23-30 กันยายน 2564 5.พายุโซนร้อน ไลออนร็อก เมื่อวันที่ 10-12 ตุลาคม 2564 และ 6.พายุโซนร้อน คมปาซุ เมื่อวันที่ 13-15 ตุลาคม 2564

นายฉันทานนท์กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตร ร่องมรสุมกำลังแรงดังกล่าว มีสาเหตุจากปรากฏการณ์ลานิญา ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำเกินกว่าระดับกักเก็บ โดยเฉพาะเขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนลำตะคอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จนต้องเร่งระบายน้ำออกสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งทำให้หลายพื้นที่เกิดอุทกภัยอย่างหนัก ซึ่งการที่ฝนตกชุกยาวนานนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ก่อให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ 48 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อประชากร 5% ของประชากรในประเทศทั้งหมด ส่วนพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 6.5% ของพื้นที่การเกษตรในประเทศ

นายฉันทานนท์กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประเมินความเป็นไปได้ที่ปริมาณผลผลิตจะเสียหายตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยพิจารณาระดับความอ่อนไหวของพืชนั้นๆ ต่อภาวะน้ำท่วม อาทิ ผลผลิตข้าว ประเมินว่ามีโอกาสเสียหายประมาณ 30% ของข้าวทั้งหมดที่ปลูกในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากนาข้าวส่วนใหญ่อยู่ในที่ลุ่ม ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง ขณะที่พืชไร่ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง มักปลูกในที่ดอน จึงไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเหมือนข้าว อย่างไรก็ตาม บางส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำไหลหลาก คาดว่าโอกาสเสียหายจะอยู่เพียง 5% ของพืชไร่ในพื้นที่น้ำท่วมเท่านั้น ส่วนพืชผักมีโอกาสเสียหายประมาณ 30% ของพื้นที่ปลูกที่โดนน้ำท่วม โดยภาพรวมมีพื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบประมาณ 5.37 ล้านไร่

นายฉันทานนท์กล่าวอีกว่า โดยประเมินสถานการณ์เป็น 2 กรณี คือ 1.กรณีน้ำท่วมเดือนกันยายน-กลางตุลาคม 2564 สำหรับข้าวนาปี คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 3.5 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 4,685 ล้านบาท และพืชผัก คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 0.18 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 1,069 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 6,250 ล้านบาท และ 2.กรณีน้ำท่วมขัง เดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 สำหรับข้าวนาปี คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 5 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 6,692 ล้านบาท และพืชผัก คาดว่ามีพื้นที่เสียหาย 0.23 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหาย 1,366 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8,058 ล้านบาท

Advertisement

“สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคเกษตรปี 2564 ลดลงประมาณ 4,190-5,730 ล้านบาท หรือลดลง 0.2-0.5% ซึ่งเป็นการประเมินในเบื้องต้นที่ไม่ได้รวมความเสียหายด้านทรัพย์สิน ทั้งนี้ จึงต้องมีการติดตามผลกระทบอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป” นายฉันทานนท์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image