คลัง ปรับลด จีดีพีปี 64 เหลือ 1% จากโควิดระบาดหนักไตรมาส 3 คาดจีดีพีปี 65 โต 4%

คลัง ปรับลด จีดีพีปี 64 เหลือ 1% จากโควิดระบาดหนักไตรมาส 3 คาดจีดีพีปี 65 โต 4% นักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับมา 7 ล้านคน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.0% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.5 – 1.5%) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้คาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไตรมาส 3 ปี 2564 จะติดลบ 3.5% และในไตรมาส 4 กลับมาบวก 3% จากตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไปจะส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว คาดว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน –เดือนธันวาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จำนวน 1 แสนคน โดนรวมทั้งปี 2564 มี 1.8 แสนคน สร้างรายได้ 1 หมื่นล้านบาท

นายพรชัย กล่าวว่า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนคาดจะขยายตัวที่ 0.8% ต่อปี และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4% ต่อปี มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่16.3% ต่อปี นอกจากนี้มาตรการประคองเศรษฐกิจไทย ผ่านการดำเนินมาตรการ อาทิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และมาตรการด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ประกอบกับการใช้จ่ายเงินกู้ จาก (พระราชกำหนด) พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท มีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคบรรเทาผลกระทบของภาคธุรกิจและรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 3.8% ต่อปี และ 8.1% ต่อปี

นายพรชัย กล่าวว่า ด้านเสถียรภาพภายในประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี2564 จะอยู่ที่ 1% ต่อปี เนื่องจากภาครัฐมีการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุล -18.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็น -3.7% ของจีดีพี จากดุลการค้าที่เกินดุลลดลงและการขาดดุลบริการ

Advertisement

นายพรชัย กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วง 4% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.0% ถึง 5.0%) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 6-7 ล้านคน ส่งผลรายได้เข้าประเทศประมาณ 3.8 แสนล้านบาท ในขณะที่การส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.8% ต่อปี การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.2% ต่อปี

นายพรชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในปี 2565 ภาครัฐมีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาทและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 3.07 แสนล้านบาท รวมทั้งเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงินฯ เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564 อนุมัติแล้ว 1.45 แสนล้านบาท ในส่วนที่เหลืออีก 3.54 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 1.1% ต่อปี และ 5.0% ต่อปี ตามลำดับ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 1.4% ปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ

นายพรชัย กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่ 1.ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจกลายพันธุ์ 2.ปัญหาข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานการผลิต และการขนส่งระหว่างประเทศ 3.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น และ 4.ความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก อาทิ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุน และนโยบายการเงินของประเทศสำคัญในระยะต่อไปที่มีแนวโน้มที่ตึงตัวมากขึ้น

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image