‘อาคม’ ชี้เงิน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทยังพอ จะกู้เพิ่มต้องดูความจำเป็น

‘อาคม’ ชี้เงิน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทยังพอ จะกู้เพิ่มต้องดูความจำเป็น

วันที่ 29 ตุลาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับการเศรษฐกิจในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2564 นั้น มีหลายส่วน คือ ด้านการเปิดประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาไทยบ้างแล้ว โดยมีการรายงานในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ว่าชาวต่างชาติได้มีการจองเที่ยวบินเดินทางเข้ามาจำนวนมาก รวมทั้งเปิดให้คนในประเทศเดินทางข้ามจังหวัดได้ ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งได้ขยายมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม อาทิ วงเงินในโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 อีก 1,500 บาทต่อคน ที่จะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนจะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ก็กำลังดูอยู่

“ช่วงตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด รัฐก็ได้มีการดำเนินมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะคนละครึ่ง ซึ่งในช่วงเฟส 1 และ 2 ประชาชนนำเงินออกมาใช้จ่ายมากกว่าภาครัฐสมทบให้ ซึ่งแต่ละเฟสจะมีวงเงินสมทบแตกต่างกัน แต่การใช้จ่ายของประชาชน 51% และสัดส่วนใช้เงินมากกว่ารัฐสมทบ 49% ถือว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่เปิดประเทศไม่ได้ การบริโภคในประเทศเป็นเรื่องสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังช่วยบรรเทาภาระประชาชน รวมทั้งช่วยให้ร้านค้ารายเล็ก และรายย่อยมีรายได้” นายอาคม กล่าว

นายอาคม กล่าวว่า กรณีเอกชนเสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม เนื่องจากมองว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่เหลืออยู่ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท อาจไม่เพียงพอนั้น ขณะนี้ยังเพียงพอ และมีการใช้เงินตามแผนงานที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ 2565 ส่วนจะต้องมีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาตามสถานการณ์ และต้องดูความต้องการในการใช้เงินด้วย

Advertisement

สำหรับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นช่องทางการออมขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองเพื่อการชราภาพให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปบำนาญ ซึ่งถือเป็นการวางแผนชีวิตในระยะยาว เพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ ใหมีเงินพอใช้ในช่วงสูงอายุ และยามจำเป็น แม้เวลานี้เราจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายได้ลดลง ก็ขอให้คำนึงถึงการออมเพื่อบั้นปลายชีวิตด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นวันออมแห่งชาติ ทาง กอช. ได้จัดให้มีการมอบรางวัลเกียรติยศแก่หน่วยงาน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการออมต่อไป

น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กอช. เปิดให้สมาชิกออมเงินได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ถึง อายุ 60 ปี และมีแนวทางส่งเสริมการออม 3 ด้าน ได้แก่ การนำส่งเงินกองทุนเพื่อสะสมได้ตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐบาลคุ้มครองผลตอบแทนเงินออมสะสม เมื่อสมาชิกออมครบอายุ 60 ปี และ ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนเงินออมสะสม

ทั้งนี้ ปัจจุบัน กอช. มีจำนวนสมาชิกกว่า 2,450,000 คน และในอนาคต มุ่งมั่นที่จะขยายจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กอช. ได้บูรณาการร่วมกับหน่อยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเครื่องมือ ที่ทันสมัยก้าวทันวิถีชีวิตแนวใหม่ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการออมตั้งแต่วัยนักเรียน ให้มีหลักประกันในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image