“REIC” เผยQ2 พบบ้านมือสองทั่วประเทศถูกประกาศขายกว่าแสนยูนิตต่อเดือนมูลค่ากว่า 8 แสนล.

“REIC” เผยQ2 พบบ้านมือสองทั่วประเทศถูกประกาศขายกว่าแสนยูนิตต่อเดือนมูลค่ากว่า 8 แสนล.

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ได้รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ จากการประกาศขายผ่านเว็บไซต์ที่มีปริมาณการประกาศขายเป็นจำนวนมาก และข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองของสถาบันการเงินของรัฐ บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐ และกรมบังคับคดี ฯลฯ ที่ประกาศขายผ่านเว็บไซต์ตลาดนัดบ้านมือสอง (www.taladnudbaan.com) เพื่อให้ได้ข้อมูลอุปทานที่อยู่อาศัยมือสองที่ครอบคลุมในตลาดมากที่สุด

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองเป็นตลาดที่มีความสำคัญและไม่ควรมองข้าม จากการติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองในไตรมาส 2 ปี 2564 (เมษายน – มิถุนายน) ทั่วประเทศ พบว่ามีจำนวนที่ประกาศขายเฉลี่ยเดือนละ 114,668 ยูนิต ซึ่งจำนวนยูนิตเฉลี่ยต่อเดือนหดตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งมีจำนวนเฉลี่ยเดือนละ 114,794 ยูนิต แต่มูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนมีมูลค่าที่ประกาศขายเฉลี่ยเดือนละ 818,939 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 749,651 ล้านบาท

สำหรับประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่มีจำนวนยูนิตประกาศขายมากที่สุดในไตรมาส 2 ปี 2564 เรียงลำดับตามจำนวนที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ประกอบด้วย 1.บ้านเดี่ยว มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 42,187 ยูนิต (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 36.8) 2.ห้องชุด มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 38,523 ยูนิต (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 33.6) 3.ทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 28,329 ยูนิต (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 24.7)
4.อาคารพาณิชย์ มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 3,813 ยูนิต (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 3.3) 5.บ้านแฝด มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 1,816 ยูนิต (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 1.6)

Advertisement

ทั้งนี้ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด มีจำนวนประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ ห้องชุด ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์ มีจำนวนประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น สำหรับด้านมูลค่า พบว่า ประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายบนเว็บไซต์ในไตรมาส 2 ปี 2564 โดยเรียงลำดับตามมูลค่าที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ประกอบด้วย 1.บ้านเดี่ยว มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 415,815 ล้านบาท (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 50.8) 2.ห้องชุด มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 283,782 ล้านบาท (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 34.6) 3.ทาวน์เฮ้าส์ มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 92,063 ล้านบาท (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 11.2) 4.อาคารพาณิชย์ มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 21,144 ล้านบาท (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 2.6) 5.บ้านแฝด มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 6,135 ล้านบาท (สัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 0.7) ทั้งนี้ บ้านเดี่ยว ห้องชุด ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์ มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ บ้านแฝด มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนลดลง

ในด้านทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการประกาศขายในไตรมาส 2 ปี 2564 มีจำนวนหน่วยที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดใน 10 ลำดับแรก จำนวน 48,331 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 42.1 ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนยูนิตประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด สำหรับลำดับที่ 2 – 10 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ โดยแต่ละจังหวัดมีสัดส่วนจำนวนยูนิตที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนไม่ถึงร้อยละ 10 ทั้งนี้จังหวัดในกรุงเทพฯ ปริมณฑลเกือบทั้งหมด (ยกเว้นนครปฐม และสมุทรสาคร) และเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ใน 10 ลำดับแรกเช่นเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา

Advertisement

ในด้านทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนสูงสุดในไตรมาส 2 ปี 2564 คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนหน่วยที่มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด โดยมีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 482,117 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 58.9 ส่วนจังหวัดที่มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด สำหรับลำดับที่ 2 – 10 ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี นนทบุรี สมุทรปราการ เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี และเพชรบุรี ตามลำดับ ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนของแต่ละจังหวัดไม่ถึงร้อยละ 8 เช่นเดียวกันกับจำนวนยูนิต

ระดับราคาที่อยู่อาศัยมือสองทุกประเภทที่มีการประกาศขายในไตรมาส 2 ปี 2564 ที่มีจำนวนยูนิตประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 21,099 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 18.4 รองลงมาเป็นอันดับสอง คือ ระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 18,057 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 15.7 และลำดับที่สาม คือ ระดับราคา มากกว่า 10 ล้านบาท มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 17,386 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 15.2 ทั้งนี้ ระดับราคาที่มีจำนวนประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนเฉลี่ย 7,043 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 6.1 เท่านั้น

ในด้านระดับราคาของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดในไตรมาส 2 ปี 2564 คือ ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 503,647 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 61.5 รองลงมาเป็นอันดับสอง คือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 83,427 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 10.2 และอันดับสาม คือ ระดับราคา 5.01 – 7.50 ล้านบาท มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 81,164 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 9.9 ทั้งนี้ระดับราคาที่มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ราคาไม่เกิน 1.00 ล้านบาท มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 8,767 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยต่อเดือนร้อยละ 1.1 เท่านั้น

“การที่มีจำนวนยูนิตบ้านมือสองจำนวนกว่า 110,000 ยูนิต ซึ่งมีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว ห้องชุด และทาวน์เฮ้าส์ และหากนับรวมกับยูนิตเหลือขายของบ้านใหม่อีกกว่า 290,000 ยูนิต ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่าในขณะนี้มีบ้านรอขายจำนวนหน่วยรวมกันไม่น้อยกว่า 400,000 ยูนิต และมีมูลค่ารวมมากกว่า 2 ล้านล้านบาท นับเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดให้ผู้ประกอบการได้รับทราบถึงสถานการณ์แข่งขันที่เข้มข้นอย่างมากจากนี้ไป เพราะนอกจากผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันเองแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องแข่งขันกับผู้ขายที่เคยเป็นลูกค้าของตนอีกด้วย ซึ่งบ้านมือสองนับได้ว่าเป็นสินค้าทดแทนที่สำคัญในตลาดที่อยู่อาศัย ดังนั้นการดำเนินการโครงการใหม่ๆ คงจะต้องทำการสำรวจอุปทานของทั้งสองตลาดควบคู่กัน เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดโครงการใหม่จะมีอุปสงค์ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยใหม่ และสามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้ตรงประเด็น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจำนวนบ้านมือสองก็ได้สะท้อนโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจของตลาดบ้านมือสองอีกด้วย” ดร.วิชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image