ความเชื่อมั่นเอกชนโรงแรมเดือนต.ค. เริ่มฟื้น 67% เปิดให้บริการรับเปิดประเทศ

ความเชื่อมั่นเอกชนโรงแรมเดือนต.ค. เริ่มฟื้น 67% เปิดให้บริการรับเปิดประเทศ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นผู้ประอบการโรงแรมที่พัก ประจำเดือนตุลาคม 2564 ระหว่างวันที่ 11-28 ตุลาคมที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 189 แห่งทั่วประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการโรงแรมที่พักแรมได้รับอานิสงห์จากการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ทำให้เห็นโรงแรมทั่วประเทศกลับมาเปิดกิจการตามปกติ 67% เพิ่มขึ้นจากเดือน กันยายน อยู่ที่ 51% จากภาพรวม โรงแรมในทุกภูมิภาคกลับมาเปิดกิจการปกติเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีโรงแรมที่ยังไม่กลับมาเปิดกิจการปกติ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มองว่า ต้นทุนในการเปิดดำเนินการ อาทิ ค่าสาธารณูปโภค และค่าจ้างพนักงาน อยู่ในระดับสูง และนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำเป็นสำคัญ โดยมีโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราว ประมาณ 8% ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 23.5% เพิ่มขึ้นประมาณ 51.6% จากเดือนกันยายน ที่มีอัตราเข้าพัก 15.5% โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของโรงแรมในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เป็นเพราะรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดโควิด-19 ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน และผลของมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ รวมถึงโรงแรมส่วนใหญ่คาดว่าอัตราการเข้าพักในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 6.38% จากเดือนตุลาคม อยู่ที่ 25% ซึ่งเป็นเดือนที่โรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ แต่ปรับดีขึ้นจากเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

“โรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ยังมีรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และมีโรงแรมเพียง 22% ที่รายได้กลับมาแล้วเกินครึ่งหนึ่ง โดยเดือนตุลาคม 2564 โรงแรมมีการจ้างงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 60% จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 59% ของการจ้างงานหากเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562 การจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยเริ่มเห็นสภาพคล่องโรงแรมเดือนตุลาคม ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น 27% จากเดือนกันยายน มีอัตราการเข้าพักสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 23% แต่ส่วนใหญ่สภาพคล่องทรงตัว สามารถดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน ประมาณมากกว่า 10% ของโรงแรมทั่วประเทศตัดสินใจขายกิจการ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของแต่ละภาคและเป็นโรงแรมขนาดกลาง ที่มีจำนวนห้องพักอยู่ที่ 51-249 ห้อง ประมาณ 43% ของกลุ่มตัวอย่าง ยังไม่ตัดสินใจจะขายกิจการ และ 48% ของกลุ่มตัวอย่าง ไม่มีความคิดจะขายกิจการ” นางมาริสา กล่าว

นางมาริสา กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการแซนด์บ็อกซ์ โรงแรมกว่า 42% มองว่า ผลของการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ออัตราการเขาพักในเดือนตุลาคม แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจเกิดจากเหตุผลจากค่าใชจ่ายในการเดินทางสูงและค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่เพิ่มภาระให้นักท่องเที่ยว โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมในพื้นที่แซนด์บ็อกเดือนตุลาคม อยู่ที่ 23% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 18.4% นอกจากนี้ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศนั้น เกินครึ่งของโรงแรมที่ตอบแบบสำรวจระบุว่า ไม่สามารถประเมินผลของโครงการได้ และประมาณ 25% โรงแรมที่ตอบแบบสำรวจ ระบุว่าสถานการณ์แย่กว่าที่คาดไว้ สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงมาตรการฟื้นฟูผลสำรวจไม่ต่างจากการสำรวจก่อนเดือนกันยายน มากนัก โดยผู้ประกอบการมองว่า อุปสรรคสำคัญของการเข้าร่วมโครงการคือสถาบันการเงินสร้างเงื่อนไขหรือกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติม ทำให้การเข้าถึงมาตรการได้ยากขึ้น ด้านโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มีปัญหา การสื่อสารรายละเอียดของมาตรการ นโยบายหรือแนวปฏิบัติของ สถาบัน การเงินไม่ชัดเจนมากที่สุด สถาบันการเงินยังระมัดระวัง การให้สินเชื่อค่อนข้างมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image