เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จะปรับผังเมืองบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพงให้เป็นพื้นที่สีแดง หรือที่ดินประเภทพาณิชยกรรม เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์และจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ที่ ร.ฟ.ท.จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในการพัฒนาโครงการ โดยพื้นที่ที่จะนำมาพัฒนาประกอบด้วยพื้นที่ทั้งหมดกว่า 120 ไร่ มูลค่าที่ดินประมาณ 14,400 ล้านบาทนั้น
นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าว ว่า หัวลำโพง…แลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานครและสัญญลักษณ์แห่งพระอัจฉริยะภาพและสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทาน “การรถไฟ” ให้กับพสกนิกรชาวไทย ทำให้มหาอำนาจตะวันตกยอมรับความเป็น”อารยะ” ของประเทศทำให้ประเทศรอดพ้นจากการถูกยึดครองและยังสร้างความเจริญและโอกาสให้กับพสกนิกรและประเทศมาจนถึงปัจจุบัน.. กำลังจะถูกด้อยค่าทำให้เหลือเป็นเพียง “หน้าหนึ่ง”ในประวัติศาสตร์ของระบบรางของประเทศ
“พร้อมกับความเป็นหน่วยงานที่มีแต่หนี้สิน โดยไม่กล่าวถึงเหตุที่มาของหนี้สินเหล่านั้น เพียงเพื่อเป็นเหตุผลในการเอาที่ดินพระราชทานใจกลางเมืองของการรถไฟประมาณ 120 ไร่ไปให้เอกชนเช่าเพื่อหาประโยชน์เชิงพาณิชย์…โดยไม่คำนึงถึงประวัติศาสตร์ “หน้าแรก” ที่สำคัญที่สุดของระบบรางของประเทศ ซึ่งประวัติศาสตร์นี้ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ความเจริญและความอยู่ดีกินดีของคนในชาติมากว่า 120 ปีซึ่งประเมินค่ามิได้…..มันสมควรแล้วหรือ”นายประภัสร์ระบุ
นายประภัสร์ระบุว่า “ถ้าฝ่ายการเมืองไม่ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนในชาติมีความภาคภูมิใจในพระราชกรณียกิจทั้งหลายของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ได้ทรงปกปักษ์รักษาผืนแผ่นดินและสร้างความเจริญให้กับประเทศและประชาชนในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะระบบราง เพียงเพื่อหารายได้แบบคนสิ้นคิดด้วยการเอาสมบัติชาติออกให้เช่าเพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจำนวนมหาศาลของผู้เช่า และยังเป็นการลบประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของการรถไฟ…มันช่างไม่คุ้มค่าจริงๆ….ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคนรุ่นใหม่ไม่เห็นค่าและความสำคัญของประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะรัฐบาลเองก็ไม่เคยทำอะไรที่แสดงว่ารัฐบาลเห็นค่าของประวัติศาสตร์เช่นกัน”
