สกู๊ปหน้า 1 : ปลุก ‘จิตสำนึก’ ขาย ‘ออนไลน์’ ทางแก้ ‘หวยแพง’

สกู๊ปหน้า 1 : ปลุก ‘จิตสำนึก’ ขาย ‘ออนไลน์’ ทางแก้ ‘หวยแพง’

จากเหตุสลด “ธวัชชัย ทองอ่อน” หรือ “ส.จ.ดำ” ยิงตัวตายยกครัว 4 ศพ มูลเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการเข้าไปพัวพันกับการเป็นหนี้ในขบวนการโควต้าสลาก จึงทำให้เกิดความสงสัยกับปมปัญหาการทำธุรกิจขายต่อสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านพ่อค้าคนกลาง นำไปสู่ปัญหาการขายในราคาแพง รวมทั้งกระบวนการฉ้อโกงต่างๆ หรือไม่?

และมีเรื่องราวอีกหลายปมปัญหาที่ชี้ไปถึงว่า ทำไมราคาสลากถึงมือประชาชนยังแพงหูฉี่ และขายเกินราคาที่กำหนด ทั้งๆ ที่ตีตราราคาบนใบสลากไว้ที่ 80 บาท เป็นที่มาของการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่แพง หวังให้เกิดเป็นรูปธรรมแบบยั่งยืน ซึ่งจะทำได้จริงละหรือ?!

“ธนวรรธน์ พลวิชัย” กรรมการและโฆษกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงปมปัญหาของเรื่องโควต้า การขายสลากเกินราคา และทางออก ว่า “ปัจจุบันสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีการพิมพ์สลากงวดละ 100 ล้านใบ ถือว่าเป็นจุดสมดุล เพราะว่าความต้องการซื้อสลากในระบบเศรษฐกิจไทยนั้นมีไม่มากไปกว่า 100 ล้านใบ และลักษณะการซื้อสลากมี 2 อย่างคือ 1.การซื้อของประชาชนทั่วไป และ 2.การซื้อไปขายต่อ นำไปทำกำไร”

“ซึ่งจากที่ได้สำรวจเมื่อปี 2558 นั้นคนขายจะเท่าทุน พบว่าคนขายต้องการโควต้าสลากคนละ 10 เล่ม โดยที่มีผู้ขายในระบบประมาณ 2 แสนคน เพราะฉะนั้น หากต้องการให้คนขายได้รับสลากเพียงพอและไม่ต้องไปพึ่งพาการขายส่ง สำนักงานสลากจะต้องพิมพ์สลาก 200 ล้านใบ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะจะเกิดอุปทานส่วนเกิน และจะมีคนขายขาดทุนอีกมากมาย”

Advertisement

ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุอีกว่า กลุ่มผู้ห่วงใยสังคมมองว่าการที่มีการพิมพ์สลากที่เยอะมากเกินไปจะกลายเป็นการมอมเมาสังคมและเยาวชนในเรื่องของการพนัน ดังนั้น สำนักงานสลากจึงต้องควบคุมปริมาณสลากให้อยู่ในจำนวน 100 ล้านใบ แน่นอนว่าเมื่อระบบเศรษฐกิจเติบโตขึ้น ความต้องการสลากอาจจะใกล้เคียง 100 ล้านใบ หรือมากถึง 120 ล้านใบ

ทั้งนี้ จากการสำรวจที่ผ่านมายังไม่พบกับปัญหาสลากขาดตลาด จะเห็นได้ว่าสลากยังคงมีเหลือตามแผงอยู่ส่วนหนึ่ง จึงทำให้มองว่าปริมาณสลากนั้นสมดุลกับความต้องการซื้อแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาอยู่ที่คนขาย เนื่องจากปัจจุบันมีคนขายเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนคน เป็น 4 แสนคน จากที่เห็นว่าคนขายสลากนั้นมีกำไร มีฐานะดีขึ้น คนก็อยากเลียนแบบ รวมทั้งจากผลกระทบของโควิดและการตกงาน ยิ่งทำให้มีคนขายเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่ปริมาณสลากมีให้สมดุลกับคนขายเพียง 2 แสนคน จึงได้เกิดกระบวนการว่า คนมีโควต้านำสลากไปขายต่อทำกำไร

โดยเมื่อรับสลากไปจากสำนักงานสลากมีต้นทุนเพียง 70.40 บาทต่อใบ และขายส่งทั้งหมดในราคา 80 บาทต่อใบ ซึ่งการขายในราคาไม่เกิน 80 บาท ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายสลาก หากขายเกินกว่านี้จะผิดกฎหมาย แต่การกระทำนี้ถือว่าผิดเงื่อนไขที่ทำสัญญาไว้ เพราะเข้าข่ายการขายช่วงหรือขายส่ง

Advertisement

กรรมการกองสลากยังเผยด้วยว่า กลไกทั้งหมดนี้คือเรื่องของความต้องการกำไร เป็นการละเมิดสัญญา เพราะว่าคนขายทุกคน ทั้งในส่วนของโควต้าสมาคม ก็จะได้คนละ 5 เล่ม ต่อให้สำนักงานสลากทำการปราบปราม ตัดโควต้าไปแล้วประมาณ 9,000 คน ก็ยังไม่มีความเข็ดหลาบ ไม่มีคนกลัว เพราะจริงๆ แล้วการตัดสิทธิโควต้ามันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องมีหลักฐาน ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย จึงทำให้เห็นว่าการกระทำผิดหรือละเมิดนั้นทำได้ง่าย แต่การจับคนทำผิดนั้นทำยากเพราะต้องมีหลักฐาน ขณะที่สลากนั้นยังทำกำไรได้ ก็มีคนบางกลุ่มนำไปจัดเป็นชุดเพื่อเพิ่มมูลค่า

หรือแม้กระทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จริงแล้วไม่มีเหตุที่จะต้องขายบนแพลตฟอร์มได้ เพราะไม่มีสลากในมือ แต่เพราะรู้ว่านำมาทำกำไรได้จึงเป็นส่วนที่ทำให้คนขายมีการละเมิดระเบียบของสำนักงานสลาก เพราะเป็นการนำมาขายส่ง และบางแพลตฟอร์มก็มีการขายสลากในราคาที่เกิน 80 บาท แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นค่าบริการแต่ก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย

โดยที่ผ่านมามีการแจ้งความ รวมถึงจับจริง เสียค่าปรับแล้วแต่ก็ยังกลับไปทำแบบเดิม เพราะกำไรที่ได้นั้นมากกว่าค่าปรับอยู่มาก การจับกุมคนทำผิดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องมีหลักฐาน มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการล่อซื้อ แต่สมมุติคนขายทุกคนร่วมกันแจ้งเบาะแส แจ้งความ คนกระทำก็จะถูกจับได้ทั้งหมด และคงเสียค่าปรับกันจนกิจการเจ๊ง แต่ท้ายที่สุดกระบวนการนี้กลับไม่เกิดขึ้น ในความเห็นของธนวรรธน์

แนวทางแก้ไขที่เร็วที่สุดคือการจับกุมและปราบปรามด้วยกลไกทางกฎหมาย โครงการขายสลาก 80 บาท และสุดท้าย คือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการขายบนคอมพิวเตอร์ เพราะระบบเทคโนโลยีไม่เคยทำร้ายใคร ทำให้ขายสลากในราคา 80 บาทแน่นอน หวังว่าสังคมจะเปิดโอกาสให้สำนักงานสลากได้ทำ ซึ่งต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และต้องมีหลักเกณฑ์ที่ไม่ทำร้ายคนขายทั่วไปให้ยังคงขายได้ต่อไป

สำหรับข้อมูลข่าวสารที่ระบุว่ารับโควต้ามาจากสำนักงานสลาก และนำไปสู่การหลอกให้ลงทุนและฉ้อโกงนั้น ต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้หมดในหน้าเว็บไซต์สำนักสลากว่าได้มีการให้โควต้าทุกงวดเป็นประจำกับสมาคมการกุศลและสมาคมคนพิการ และสมาคมก็นำไปแจกจ่ายให้สมาชิก ซึ่งทุกขั้นตอนที่นำไปส่งมอบให้สมาคมมีความโปร่งใสทุกอย่าง แต่หลังจากมอบสลากแก่สมาคมแล้ว ก็ได้การกำชับให้ส่งมอบให้สมาชิก และถ้าพบว่าตัวแทนของสมาคมนำไปขายส่งก็จะมีการตัดสิทธิโควต้า

ส่วนต่อมาคือ การซื้อจองผ่านธนาคารก็มีการส่งมอบที่ไปรษณีย์ที่คิดว่าสำนักงานสลากนั้นทำหน้าที่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์แล้ว ด้วยราคาทุนที่ใบละ 70.40 บาท โดยไม่มีการคิดค่าบริการใดๆ เพิ่ม ถ้าเกิดตรวจสอบพบว่ามีการนำไปขายช่วง ขายต่อ ก็จะจัดการด้วยการตัดสิทธิโควต้า จึงทำให้ปัญหาในตอนนี้เป็นเรื่องของกิเลส อยากทำกำไร และไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ หากทุกคนทำตามเงื่อนไขและกฎหมายนั้น แน่นอนว่าจะไม่มีปัญหาสลากเกินราคา

กรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งกล่าวว่า อยากให้คนขายสลากนั้นมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพคนขาย ทำตามกฎระเบียบ เพราะยังมีอีกหลายคนที่ต้องการขายอย่างซื่อสัตย์แต่ไม่มีสลาก เนื่องจากสลากอยู่ในจุดสมดุลแล้ว โดยการตัดสิทธิโควต้าแต่ละครั้งก็จะเปิดรับคนมาเติมให้เต็มในระบบการซื้อจองผ่านธนาคาร และในขั้นตอนต่อไปคือการดำเนินโครงการจัดขายสลาก 80 บาท ซึ่งสำนักงานสลากก็พยายามส่งเสริมคนขายที่ซื่อสัตย์ และพยายามกระจายจุดขาย 80 บาทนี้ให้ได้ทั่วประเทศ

จากคำบอกเล่าของธนวรรธน์ จะเห็นว่าปัญหามีความซับซ้อนพอสมควร เส้นทางสู่ลอตเตอรี่ราคา 80 บาท จะใกล้ไกลและราบรื่นแค่ไหน ยังต้องลุ้นกันอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image