คอลัมน์เฉลียงไอเดีย : เปิดไอเดียการลงทุนปีเสือทอง เลือกวางเงินสินทรัพย์ไหน…มั่งคั่ง หลังโลกพ้นโควิด…หารายได้ทางเดียวไม่พอ

คอลัมน์เฉลียงไอเดีย : เปิดไอเดียการลงทุนปีเสือทอง เลือกวางเงินสินทรัพย์ไหน...มั่งคั่ง หลังโลกพ้นโควิด...หารายได้ทางเดียวไม่พอ

คอลัมน์เฉลียงไอเดีย : เปิดไอเดียการลงทุนปีเสือทอง

เลือกวางเงินสินทรัพย์ไหน…มั่งคั่ง

หลังโลกพ้นโควิด…หารายได้ทางเดียวไม่พอ

เผลอแพล็บเดียว ก็เข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีวัวไฟ (ปี 2564) แล้ว จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะเป็นปีวัวทอง หลังจากสามารถควบคุมการระบาดโควิด-19 ได้ แต่นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน เห็นตัวเลขการระบาดโควิดรายใหม่ต่อวัน พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) หลักหมื่นคน ก่อนจะทยอยลดลงมาอยู่หลักหลายพันคนต่อวัน ทำให้ปีวัวทองกลายเป็นปีวัวไฟ เผาไหม้ทั้งการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ และการลงทุน ที่เหนื่อยซ้ำเหนื่อยซ้อนเข้าไปอีก เพราะผลกระทบจากการระบาดโควิดตอกย้ำตั้งแต่ปี 2563-2564 เกือบ 2 ปีแล้ว

Advertisement

เมื่อปีนี้ใกล้จะหมดไปอีกปี ความหวังจึงอยู่ในปีถัดไป ซึ่งปี 2565 เป็นปีเสือ ก็คาดหวังว่าจะได้เห็นเสือสีทองผ่องอำไพ ไฟจากปีนี้คงมอดดับได้แล้ว

แต่ใช่ว่าความโชคร้ายของปีวัวไฟจากโควิด จะเป็นเรื่องแย่ๆ เสียทีเดียว เพราะกลายเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นค้นพบสัจธรรมข้อหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นข้อจริงแท้แน่นอนที่คงอยู่ตลอดไป นั่นคือ “ความแน่นอน…คือความไม่แน่นอน” ส่งผลให้คนไทยไม่ว่าจะวัยไหนตื่นตัวเรื่องของการออม โดยเฉพาะการออมที่งอกเงย นั่นคือการนำเงินออมมาลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าออมเป็นเงินฝากในธนาคาร

จึงไม่แปลกใจเลยว่า ในปี 2564 ธุรกิจพังพาบ บาดเจ็บจากโควิด คนไทยส่วนหนึ่งรวมถึงนักศึกษาจบใหม่ตกงานและหางานทำไม่ได้ แต่มีอาชีพหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก นั่นคือนักลงทุนรายย่อย เป็นปีที่ได้เห็นตลาดการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ทั้งสินทรัพย์เสี่ยง สินทรัพย์ปลอดภัย และสินทรัพย์ทางเลือก ขยับเข้ามามีบทบาทสูงขึ้นจากในอดีต อย่างคึกคักทีเดียว

Advertisement

สะท้อนได้จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานว่า ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2564 พบว่ามีการเปิดบัญชีหุ้นใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1.44 ล้านบัญชี เฉลี่ยประมาณ 1.6 แสนบัญชีต่อเดือน โดยในช่วงปี 2563-2564 ถือว่ามีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่เป็นจำนวนที่สูงมาก เทียบในอดีตที่ผ่านมามีการเปิดบัญชีใหม่เฉลี่ยเพียง 3-4 แสนบัญชีเท่านั้น

นอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นและทองคำแล้ว ยังเป็นปีที่เห็นการลงทุนในรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัล ที่แบ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิทัลต่างๆ อาทิ บิทคอยน์ และดิจิทัล โทเคน ซึ่งมี 2 แบบ ได้แก่ 1.โทเคนเพื่อการลงทุน หรือ Investment Token ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการร่วมลงทุน อาทิ สิทธิในส่วนแบ่งรายได้ สิทธิในผลกำไรจากการลงทุน เป็นต้น และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ หรือ Utility Token ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการได้รับสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจง อาทิ บัตรโดยสารรถไฟฟ้า คูปองในศูนย์อาหาร หรือชิปในกาสิโน

และในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่เห็นตลาดคริปโทฯพุ่งแรงทุบสถิติอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากเว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็นรายงาน มูลค่าของบิทคอยน์พุ่งแรงแตะ 68,530.34 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,249,165 บาท เป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้มูลค่าพุ่งแตะ 67,000 เหรียญสหรัฐ และดิ่งลง 12% ก่อนจะทยอยปรับขึ้น ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าตลาดคริปโทฯอยู่ในขาขึ้นใหม่แล้ว

คำถามคือ ปี 2565 การลงทุนผ่านสินทรัพย์ใด ยังไปต่อได้ ทั้งการลงทุนแบบเงินหนา และการลงทุนแบบเงินน้อย ที่ต้องการความปลอดภัยและมีกำไรในระยะยาวเป็นปลายทางเหมือนกัน

ประกิต สิริวัฒนเกตุ

ลองฟังคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน อย่าง ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท หลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ธีมการลงทุนปี 2565 ในตลาดหุ้น คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ พลังงาน ปิโตรเคมี กลุ่มที่มีโอกาสฟื้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มธนาคาร กลุ่มการเงิน กลุ่มบริโภคอุปโภคในประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นตามกำลังซื้อที่ดีขึ้น กลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ขนส่งทางราง ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวยังต้องใช้เวลาทั้งจากรัฐบาลที่พร้อมจะดำเนินนโยบายการท่องเที่ยวอย่างไร และต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะกลับไปสู่ระดับปกติได้

ภาพตลาดหุ้นไทยในปี 2565 จะได้อานิสงส์จากกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ฟื้นตัว ซึ่งปีหน้าจะเป็นปีที่การค้าเสรีกำลังจะมา ปริมาณการค้าโลกจะสูงขึ้น จะเห็นหลายประเทศใช้นโยบายการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงมีการใช้นโยบายการคลังที่จะสอดประสานกับนโยบายการเงินในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง เพราะจะเห็นธนาคารกลางทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) มากขึ้น จึงคาดว่าจะเห็นการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำและติดลบไปอีกสักระยะ ขณะที่ค่าเงินหยวนของจีนจะกลับมาแข็งค่า และทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีการปรับตัวขึ้น เพราะจีนต้องเร่งการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้เมื่อการค้าเสรีดีขึ้นจะส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเป็นภูมิภาคที่มีการส่งออกสินค้าเกษตรและทรัพยากร ทำให้ไทยได้ประโยชน์ในธีม Welcome to thailand ซึ่งหมายถึงยินดีต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) หรือตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ มูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (อีพีเอส) ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะได้รับการอัพเกรดมากขึ้น ทำให้กระแสเงินลงทุนมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคนี้ ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะได้สภาพคล่องเพิ่ม

เอกลาภ ยิ้มวิไล

ด้าน เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเงินดิจิทัลยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการที่หลายประเทศได้ให้การยอมรับเงินดิจิทัลมากขึ้น อาทิ ประเทศเยอรมนีอนุญาตให้กองทุนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในสัดส่วนไม่เกิน 20% รวมทั้งบางประเทศยังได้เปิดรับเงินบิทคอยน์เป็นเงินตราของประเทศใช้ได้ทั่วไป อาทิ เอลซัลวาดอร์ และในประเทศที่เศรษฐกิจมีปัญหาเงินเฟ้อสูง ก็จะใช้บิทคอยน์ หรือทอง ป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อ จึงเชื่อว่าเงินดิจิทัลจะมีเสถียรภาพความมั่นคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหากนักลงทุนมองว่าสามารถลงทุนได้ในระดับหนึ่งก็ควรลงทุนแบบ DCA (dollar-cost averaging) หรือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอน (ผันผวนสูง) ได้

 

พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล

ส่วนตลาดทองคำ พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ มองว่า ปี 2565 มีแนวโน้มราคาทองคำกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นชัดเจน โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะอยู่บริเวณ 27,000 บาทต่อบาททองคำ และอาจปรับขึ้นสูงสุดที่ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นกรอบราคากว้างๆ ที่ยังไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆ แต่หากพิจารณาตามกรอบราคาจริง ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลัก คือความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ราคาน้ำมันสูงดันเสี่ยงเงินเฟ้อมากขึ้น รวมถึงสกุลเงินยูโร เงินปอนด์ เงินหยวน ที่หากปรับขึ้น ก็จะหนุนให้ราคาทองคำ ปรับขึ้นตามไปด้วย เพราะสกุลเงินเหล่านี้จะไปกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำโลกจะสูงขึ้น เพราะราคาทองคำซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งหมดคือธีมการลงทุนกว้างๆ ของปีเสือทองให้นักลงทุนหน้าใหม่ หน้าเก่า ได้ศึกษาวางแผนการลงทุนก่อนตัดสินใจควักเงินลงทุน เพราะเชื่อว่าโลกหลังโควิด-19 ทั้งมนุษย์เงินเดือน เจ้าของกิจการ หรือแม้แต่นักศึกษาจบใหม่ เริ่มทำงาน มีแนวคิดไปในทางเดียวกันว่า อาชีพเดียวไม่พอกับความเสี่ยงในอนาคตที่ยังมองไม่เห็น การสั่งเริ่มสร้างหรือสะสมความมั่งคั่ง คำตอบตรงกัน

ส่วนใครจะลงทุนสร้างพอร์ตด้านไหน หุ้น ทองคำ ตราสาร สินทรัพย์ดิจิทัล สุดแต่ใจและจริตของแต่ละคน และที่สำคัญพึงระลึกไว้เสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” ต้องตั้งสติทุกครั้งก่อนการลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่่มั่งคั่งงอกเงย

วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image