เทเลนอร์ แจ้ง ‘ดีแทค’ รวม ‘ทรู’ ลูกค้ามือถือรวม 51.3 ล้านเลขหมาย จ่อแซง เอไอเอส

มติ กกพ.ขยับขึ้นค่าไฟ ม.ค.-เม.ย.65 หน่วยละ 16.71 สต. เทเลนอร์แจ้งดีแทครวมทรู-ลูกค้ามือถือจ่อแซง “เอไอเอส”

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทเลนอร์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ว่า เทเลนอร์ กรุ๊ปกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) เพื่อควบรวมบริษัทดีแทค เข้ากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู ของเครือซีพี โดยจะดำเนินกิจการร่วมกันในรูปแบบอีโค พาร์ทเนอร์ ชิพ (EcoPartnership) คาดว่าจะแถลงความชัดเจนในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้

อย่างไรก็ตามเทเลนอร์แถลงระบุว่า ยังมีหลายประเด็นที่คั่งค้างอยู่ และยังไม่มีความแน่นอนว่าการหารือนี้จะส่งผลให้เกิดความตกลงขึ้นได้ในที่สุด ทางเทเลนอร์จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมระหว่างดำเนินกระบวนการนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มูลค่าของทรูในไทยอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 32 ล้านเลขหมาย ส่วน ดีแทค อยู่ที่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้ใช้งานกว่า 19.3 ล้านเลขหมาย หากทั้ง 2 บริษัทควบรวมกัน จะทำให้มีผู้ใช้งานราว 51.3 ล้านเลขหมาย มากกว่าเอไอเอสซึ่งเป็นผู้นำตลาดขณะนี้ที่มีผู้ใช้งาน 43.7 ล้านเลขหมาย

รอยเตอร์อ้างความเห็นของนายแมดส์ โรเซนดาล นักวิเคราะห์ของดอยชต์แบงก์ ระบุว่า ความตกลงดังกล่าว หากได้รับความเห็นชอบ จะส่งผลให้เกิดบริษัทใหม่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในไทยที่ 52% สูงกว่าผู้นำตลาดในปัจจุบันคือ เอไอเอส มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 44% การควบรวมกิจการดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของเทเลนอร์ที่พยายามลดความเสี่ยงลงพร้อมๆ กับเพิ่มมูลค่าให้กับหน่วยธุรกิจของตนในเอเชีย
โรเซนดาลเห็นว่า การรวมกิจการครั้งนี้เป็นผลดีต่อเทเลนอร์ เพราะจะเพิ่มศักยภาพ และลดต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ขณะที่ผลประกอบการของดีแทคอ่อนแอลงในระยะหลัง

Advertisement

วันเดียวกัน น.ส.ณภัทร ธัญญกุลสัจจา เลขานุการบริษัท ดีแทค แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า สืบเนื่องจากที่มีการคาดการณ์ในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับ ดีแทค และบริษัท ทรู นั้น บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะได้รับการชี้แจงจากบริษัทตามที่กําหนดตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ทราบต่อไป

เช่นเดียวกันกับ น.ส.ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินบริษัททรู ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับทรูและดีแทค นั้น บริษัทขอเรียนว่าหากมีข้อชี้แจงใดๆ ที่บริษัทมีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป

กกพ.ขยับขึ้นค่าไฟ

วันเดียวกัน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า กกพ.มีมติขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า ส่งผลให้ค่าเอฟทีสุทธิอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ค่าเอฟทีดังกล่าวส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยหรือที่เรียกเก็บกับประชาชนอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 4.63% จากงวดปัจจุบันอยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี

Advertisement

ต้นทุนจริงของค่าเอฟทีในงวดใหม่นี้คำนวณจากต้นทุนจริงเดือนกันยายน 2564 พบว่าค่าเอฟจะเพิ่มสูงถึง 48.01 สตางค์ เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ประกอบกับเกิดวิกฤตพลังงานในต่างประเทศ เพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวความต้องการใช้พลังงานทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น

ส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกสูงขึ้นมาก บวกกับอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าถึง 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ กกพ.จึงนำเงินที่มีอยู่ 18,640 ล้านบาทมาดูแล แบ่งเป็น เงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าที่มีอยู่ 5,129 ล้านบาท และเงินผลประโยชน์ของบัญชีเงินที่จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าตามปริมาณก๊าซตามสัญญาไปก่อน (เทก ออร์ เพย์) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา 13,511 ล้านบาท และคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยระดับ 32.1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ คาดราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ย 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และใช้น้ำมันแทนสปอตแอลเอ็นจีที่แพง

“ทำให้ค่าเอฟทีลดลงเหลือเพิ่มขึ้น 22.50 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มสุทธิ 7.19 สตางค์ แต่เพื่อลดผลกระทบประชาชนจึงกำหนดค่าเอฟทีแบบขั้นบันได เหลือ 16.71 สตางค์ และทยอยปรับปรุงตามค่าจริงในรอบต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม กกพ.จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ.ตั้งแต่วันที่ 19-25 พฤศจิกายน 2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป” นายคมกฤชกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image