สกู๊ปหน้า 1 : ‘เม็ดทองคำ’ กระแสแรง ตอบโจทย์นักออม

สกู๊ปหน้า 1 : ‘เม็ดทองคำ’ ตอบโจทย์นักออม

ตลาดการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย หรือทองคำ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพูดถึง เม็ดทองคำ ที่เป็นกระแสมาแรงมาก เนื่องจากเห็นการขายหนาตาบนอินเตอร์เน็ตผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ จึงเกิดการตั้งคำถามถึงความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และมีผลกระทบใดแฝงอยู่หรือไม่

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า เม็ดทองคำถือเป็นทองคำแท่งในรูปแบบหนึ่ง แต่เปลี่ยนลักษณะในการขึ้นรูปจากเดิมที่เป็นบล็อกสี่เหลี่ยม มาหยดและปั้นเป็นเม็ดกลมๆ โดยความจริงแล้วเม็ดทองคำมีมานานมาก ซึ่งสมัยก่อนจะเป็นทองคำก้อนที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ก่อนจะนำมาขึ้นบล็อก หรือแปลงเป็นทองแผ่นที่มีน้ำหนักต่ำสุดประมาณ 1 กรัม ราคาประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเม็ดทองคำเกิดขึ้นก่อนแผ่นทองคำด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้ถูกนำมาหยด หรือปั้นให้มาเป็นก้อนกลมที่เล็กขนาดนี้ และเชื่อว่าในต่างประเทศก็น่าจะมีเป็นทองคำในรูปแบบเม็ดเล็กๆ เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับความนิยมมากน้อยเท่าใด

“ในอนาคตหากมีการผลิตทองคำในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเชื่อว่าจะต้องมีรูปแบบใหม่ออกมาอีกแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการออมทอง แต่ไม่อยากออมผ่านการซื้อเงินสดฝากในบัญชีไว้ แต่อยากออมแบบได้รับมาเป็นสินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจแทน ทำให้การแตกไลน์ทองคำเป็นเม็ดเล็กๆ แบบนี้ถือว่าน่าสนใจมาก และไม่ได้เป็นสินค้าที่แปลกใหม่ เพียงแต่ปรับมุมมองของทองก้อน จากสมัยก่อนที่มองว่าค่อนข้างโบราณ มาเป็นการขึ้นบล็อกที่ดูสวยงามกว่า จนถึงการปั้นเป็นทองก้อนกลมๆ เม็ดเล็กๆ เพื่อให้สามารถซื้อได้ง่ายขึ้นเหมือนในขณะนี้” นายพิบูลย์ฤทธิ์กล่าว

ความสำคัญขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อเม็ดทองคำ หรือทองคำทุกรูปแบบ สำคัญคือต้องมียี่ห้อ หรือมีการประทับตราสัญลักษณ์ที่ยืนยันได้ว่าทองคำชิ้นดังกล่าวเป็นของร้านใด ทำให้หากเป็นเม็ดสีทองมาแบบเปล่าๆ ก็ต้องคิดแล้วว่าหากต้องการขายจะขายที่ใด เพราะไม่มีตราที่บอกร้านต้นทางได้ เนื่องจากทองคำแท่งแบบขึ้นบล็อก หรือเม็ดทองคำในลักษณะแบบนี้ก็ไม่ต่างกัน จึงต้องคัดสรรจากร้านที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหากเป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำ และผู้ค้าผ่านการรับรองจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็ถือว่าได้รับการยืนยันว่าเชื่อถือได้แน่นอน ทำให้ต้องจับตาดูเรื่องการซื้อมากกว่าว่าซื้อกับใคร ได้ของจริงหรือไม่ และเป็นของแท้หรือไม่ โดยย้ำว่าจะต้องเลือกร้านที่มีอยู่จริง มีมาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาเห็นกรณีกลโกงในรูปแบบให้โอนเงินซื้อสินค้าก่อน แล้วไม่ได้รับสินค้าจริง ซึ่งกรณีแบบนี้ควรต้องใช้ความระมัดระวังสูงที่สุด

Advertisement

ในอนาคตแม้ทองคำจะมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้นอีกมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในแง่การออมแบบได้รับสินค้ามาไว้ในครอบครอง แม้จะมีเม็ดเงินในมือน้อย ซึ่งจากเดิมบรรดาร้านค้าทองคำได้พัฒนาให้ลูกค้าสามารถซื้อทองได้แม้เงินจะน้อย ผ่านการออมทอง ที่จะซื้อเท่าใดก็ได้ในแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้น เมื่อออมครบจำนวนที่พอใจแล้วก็สามารถไถ่ถอนเป็นเงินสด หรือชิ้นทองคำได้ แต่หมายความว่าเราจะต้องรอจนระยะเวลาหนึ่งแล้ว ให้ทองคำที่เราออมงอกเงยออกมาพอประมาณก่อน แต่การออมทองผ่านการซื้อแบบเม็ดทองคำนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถซื้อและได้รับทองคำในมือทันที แม้มีเงินไม่มากนักก็ตาม

ด้าน นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า การเลือกซื้อเม็ดทองคำต้องซื้อจากร้านค้าที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากหากซื้อจากร้านค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอาจได้รับเม็ดทองคำมาแบบไม่เต็มเปอร์เซ็นต์ และต้องรู้ว่าการควบคุมตรวจสอบร้านทองนั้นๆ สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกเม็ดจริงหรือไม่มีน้ำหนักและคุณภาพเท่ากันหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายในการควบคุมมาตรฐาน เนื่องจากเม็ดทองคำ หากมองในมุมปริมาณก็ถือว่าดีเพราะขนาดที่เล็กมาก ทำให้คนสามารถใช้เงินซื้อเก็บเป็นเม็ดทองคำได้ผ่านราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่ความกังวลคือคุณภาพของตัวเม็ดทองคำที่หากซื้อเก็บสะสมแล้ว เม็ดทองคำคุณภาพไม่แน่นอน ไม่มีตราสัญลักษณ์ และไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่เป็นมาตรฐานชัดเจน ตัวนี้จะเป็นปัญหาได้ โดยเฉพาะการขายคืนกลับเข้าตลาดเนื่องจากการที่เป็นเม็ดทองคำขนาดเล็กๆ จะต้องมีการประทับตราสัญลักษณ์ และตราสัญลักษณ์เหล่านั้นถูกรับรองจากสมาคมค้าทองคำ โดยหากขายไปแล้วเปอร์เซ็นต์ทองคำแทนที่จะเป็นมาตรฐานตามสมาคมค้าทองคำ หากมีการย่อหย่อนลดลงจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเม็ดทองคำอย่างชัดเจน

“ปริมาณถือว่าดูดี เนื่องจากขนาดที่เล็ก การซื้อจึงสามารถทำได้ง่าย แต่การทำได้ง่ายๆ แบบนี้ก็ต้องระมัดระวังเรื่องคุณภาพ เพราะโอกาสที่ร้านทองจะควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานแบบเส้นตรงต้องบอกว่าไม่ง่ายจริงๆ โดยหลักการการซื้อคือ มีเงินเท่าใดก็ซื้อเท่านั้น ทยอยซื้อได้ตามความสามารถ ไม่มีการกำหนดอะไรมากกว่านั้น เพราะในตลาดปัจจุบันก็มีการทำทองคำขนาดเล็กอย่างตัวแผ่นทองคำที่มีขนาดเล็กมากๆ ตั้งแต่ 1 กรัมขึ้นไป แต่ต้องประทับตราให้ชัดเจน เพื่อให้สะดวกต่อการขายคืน” นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว

Advertisement

ข้อคำนึงถึงในการซื้อเม็ดทองคำจะต้องดูให้ชัดเจน 3 ข้อว่า 1.ซื้อมาจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้หรือไม่ 2.น้ำหนักเท่าใดแบบชัดเจน และ 3.เปอร์เซ็นต์อยู่ที่เท่าใด ซึ่งการตีเป็นมูลค่าเริ่มต้นของเม็ดทองคำจะต้องอิงเปอร์เซ็นต์ 96.5% ตามที่สมาคมค้าทองกำหนด เพราะการซื้อเม็ดทองคำสามารถซื้อในราคาน้อยและขายได้ในราคาทองแท่ง เนื่องจากรูปแบบไม่ต่างกัน โดยการสังเกตของแท้ หรือของปลอม หากเป็นทองแท่งขั้นตอนการผลิตสินค้าในตลาดจะมีการตอกยี่ห้อที่คุ้นเคยกันในรูปแบบของอักษรจีน ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านทองแต่ละราย เนื่องจากร้านทองส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเป็นร้านของคนจีน ทำให้เราสามารถกลับไปขายที่ร้านทองร้านนั้นๆ ได้ แต่หากไม่มีการตีตราดังกล่าวก็จะมีปัญหาในการขายคืนได้ รวมถึงด้วยความที่เม็ดทองคำมีขนาดเล็กมาก โดยเฉพาะขนาด 1 กรัม ซึ่งน่าจะขนาดคล้ายกับเมล็ดถั่วเขียว จึงต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีการตีตราสัญลักษณ์ชัดเจนหรือไม่

สรุปทิ้งท้ายแบบขีดเส้นใต้คือ เม็ดทองคำสามารถซื้อเพื่อเก็บออมได้ตามศักยภาพของเงินในกระเป๋า เพราะถือว่าไม่ต่างจากทองคำแท่ง แค่เปลี่ยนรูปแบบเท่านั้น แต่เพื่อป้องกันการถูกต้มจนเปื่อยก็ต้องเลือกซื้อจากร้านทองที่มีมาตรฐาน และเชื่อถือได้ในท้องตลาดเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image