หอการค้า5ภาค เสนอแผนฟื้นประเทศ ตะวันออกลุยรายได้สูง-กลางลุยเกษตรแนวใหม่
ในงานสัมมนาหอการค้าฯ ครั้งที่ 39 ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการเสวนาเรื่อง “CONNECT หอการค้า5ภาค เดินหน้าฝ่าวิกฤต เพื่อพลิกเศรษฐกิจไทย”
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัมนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดทางภาคใต้กำลังพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว เนื่องจากหลังโควิด มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ยังคงต้องรักษารายได้ให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ จึงต้องพยายามทำให้มุลค่าการท่องเที่ยวสูงขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น และอยู่ในพื้นที่นานขึ้น และมีแผนเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา ครั้งที่ 33 (ปี 2566)
นายปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัมนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตั้งเป้าหมายว่า จะต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้ขยายตัวขั้นต่ำที่ 5% ต่อปี ต่อเนื่องกันตลอด 5 ปี (2564-2569) และมีการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ หากทำได้จริง จะส่งผลให้ภาคตะวันออกหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น เป็นภายใน 11ปี โดยแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลคือภายใน 18 ปี
นายธวัชชัย เศราฐจินดา ประธานคณะกรรมการพัมนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชาากรในภาคเกษตรกรรมถึง 38% แต่มีสัดส่วนรายได้ (จีดีพี) เพียง 6% จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอ ต้องพึ่งพางบประมาณช่วยเหลือจากรัฐบาลปีละ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นในส่วนของภาคกลางนั้นมุ่งเน้นที่การยกระดับการเกษตรแนวใหม่ ที่เป็นสินค้ามูลค่าสูง และมีกระบวนการตั้งแต้ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ
นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานคณะกรรมการพัมนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวัออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า รถไฟจีน-สปป.ลาว ถือเป็นสีสันหนึ่งของเศรษฐกิจ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดังนั้นในภาคตะวัออกเฉียงเหนือจึงมีแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟจีน-สปป.ลาว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยว การลงทุน สินค้า และขนส่ง พลิกฟื้นอีสานสู่การเป็นประตูสู่จีน เป็นศูนย์กลางของการเดินทางในลุ่มแม่น้ำโขงและของไทย
นายสมบัติ ชินสุขเสริม ประธานคณะกรรมการพัมนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า ภาคเหลือมีแผนการยกระดับเส้นทางการค้า ตามด่านชายแดนต่างๆในภาคเหนือ ผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมสร้างชุมชนที่เป็นเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการต่างๆ ด้วยการสร้างมูลค่าและบริการเพิ่มด้วยอัตลักษณ์ รวมถึงการสนับสนุนการท่องเที่ยวตามด่านชายแดนให้มีคุณภาพสูงด้วย
