‘อาคม’ ชี้ มาตรการแจกเงินใช้เฉพาะหน้า อนาคตเน้นช่วยคนมีงานทำ-มีรายได้

‘อาคม’ ชี้ มาตรการแจกเงินใช้เฉพาะหน้า อนาคตเน้นช่วยคนมีงานทำ-มีรายได้

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสวนาพิเศษหัวข้อ “การเงิน-การคลัง” กู้วิกฤตเศรษฐกิจไทย ในสัมมนา “Thailand 2022 Unlock value ก้าวสู่เส้นทางใหม่ไร้ขีดจำกัดว่า เมื่อพูดคำว่า อันล็อก (Unlock) ตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ทันทีที่เกิดโควิด-19 หลายประเทศไม่เฉพาะประเทศไทยต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน ความจำเป็นที่ใช้เม็ดเงิน ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 คือ นโยบายการเงินการคลัง ที่ต้องการใช้จ่าย เพื่อเยียวยาประชาชน ภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันไม่ทิ้งการพยุงเศรษฐกิจให้เติบโตได้บ้างแม้ไม่เต็มที่ เพราะสิ่งที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดทั้งหมด ทุกประเทศมีการล็อกดาวน์ ดังนั้น ภาคเศรษฐกิจได้รับผลกระทบแน่นอน

นายอาคม กล่าวว่า นอกเหนือจากเม็ดเงินที่เข้าไปช่วยประชาชน ภาคธุรกิจก็ต้องได้รับความช่วยเหลือผ่านการให้สินเชื่อและพักชำระหนี้ ของไทยดำเนินโครงการผ่านการกู้เงิน ในปี 2563 กู้เงิน 1 ล้านล้าน ในปี 2564 กู้อีก 5 แสนล้าน ทั้งนี้ เงิน 1.5 ล้านล้าน ใช้เรื่องการเยียวยา และพยุงเศรษฐกิจ ผ่านโครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน ทำให้อัตราการบริโภคการใช้จ่ายของประชาชนยังอยู่ได้ ซึ่งในปี 2564 การบริโภคของประชาชนเติบโตเพียงแค่ 0.4% ถือว่าต่ำมาก และเมื่อมีมาตรการของภาครัฐที่เข้าไปกระตุ้นการใช้จ่ายหรือเยียวยา ทำให้มีการบริโภคเพิ่มขึ้น 1.6% ดังนั้น อันล็อก ที่สำคัญคือเรื่องนโยบายการคลังที่เปิดช่องให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น และต่อมาไทย อันล็อกเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 ทำให้เศรษฐกิจเดินได้อย่างเต็มที่ ขณะนี้อาจเดินช้าๆ แต่ในปีหน้าหากสถานการณ์เศรษฐกิจคลี่คลาย อันล็อก 100% ให้เศรษฐกิจดำเนินไปได้ตามวิถีปกติ 100%

 

Advertisement

“เราจะบอกว่า อันล็อกแบบไร้ขีดจำกัดคงไม่ได้ เพราะยังมีกรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องคุมเอาไว้ เป็นเรื่องความน่าเชื่อถือของประเทศในเรื่องการบริหารการคลัง ดังนั้น เมื่อดำเนินนโยบายแบบนี้ เราต้อง อันล็อกเพดานหนี้ต่าง ๆ การใช้จ่ายภาครัฐก็ต้องมาจากการกู้อย่างเดียว ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 70% เพื่อให้มีช่องว่างในการ บริหาร นโยบายต่าง ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกินไปแบบสุดโต่ง” นาย อาคม กล่าว

 

Advertisement

นาย อาคม กล่าวว่า ต้องอันล็อกทางความคิดสร้างสรรค์ สร้างเศรษฐกิจในยุคข้างหน้า เพราะเรารู้ว่า 2 ปี เราเจอเศรษฐกิจที่ติดลบ เพราะพึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไป ต้องกลับมาคิดว่าทำอย่างไรให้เศรษฐกิจสมดุลมากขึ้นในระหว่างภาคบริการและภาคการผลิต และต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกติกา ไม่ว่าการเงินการคลังต้องอยู่ในกติกาด้วย

 

นายอาคม กล่าวว่า ส่วนมุมมองโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในวันข้างหน้า เวลานี้รัฐบาลมี กลไกของการเติบโตตัวใหม่ คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนใหม่ จากประสบการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจของเรา พื้นที่ภาคตะวันออกเป็นฐานการผลิต แต่สมัยใหม่ ที่พูดถึง สร้างมูลค่าสูงขึ้นให้กับห่วงโซ่การผลิต อุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้เราต้องหาอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ใช้เทคโนโลยีมาก เป็นการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่

นายอาคม กล่าวว่า แต่ประเด็นที่อยู่ที่ว่าการจะเศรษฐกิจในประเทศกับเศรษฐกิจนอกประเทศ ในอนาคตเราต้องมาเน้นเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลายครั้ง เป็นที่เข้าใจได้ว่าเราพึ่งพาจากต่างประเทศมากขึ้น เรื่องการท่องเที่ยวเราต้องเน้นคุณภาพมากขึ้น เพราะภาคการท่องเที่ยวที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มากจนเกินไป จะไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเท่ากับอดีต 40 ล้านคน อาจจะต้องเน้นคุณภาพมากขึ้น

นายอาคมกล่าวว่า อย่างไรก็ตามการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคตในแง่โครงสร้าง จะต้องมีการจายอย่างทั่วถึงในระดับประชาชน เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนออกจากงานค่อนข้างเยอะ มีบางส่วนอยากเปลี่ยนอาชีพ สะท้อนจากการเปิดลงทะเบียนรับเงินเยียวยาผู้ประกันตนในมาตรา 39 และ มาตรา 40 มีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น รัฐบาลจะมุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพอิสระต่าง ๆ หรือเศรษฐกิจระดับตัวบุคคล ให้มากขึ้น

นายอาคม กล่าวว่า มาตรการเยียวยาหลังจากนี้ เรื่องการเยียวยาการโอนเงินเข้ากระเป๋าประชาชนในช่วงตกงาน ไม่มีงานทำ จะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น แน่นอนที่สุดเรื่องการเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ การทำให้ทุกคนมีงานทำ มีรายได้ของตัวเอง ในเรื่องการเยียวยาจะต้องลดลง ไปเน้นเรื่องการสร้างรายได้มากขึ้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ หรือช่วยในเรื่องโครงการคนละครึ่ง ก็คงจะลดลงไป แต่ช่วยในเรื่องการแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คาดว่าต้นปีหน้าจะเห็นการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการ ช่วยเหลือทั้งผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ผู้มีรายได้น้อย ก็จะเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image