เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน แหล่งข่าวจากวงการผู้รับเหมา กล่าวว่า การประมูลโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35.9 กม.วงเงินลงทุน 1.427 แสนล้านบาทของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลคัดเลือก ทำให้บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส และบริษัท ระบบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ยื่นฟ้อง ทำให้การประมูลต้องล่าช้าออกไป โดย รฟม.ตัดสินใจยกเลิกการประมูลเดิม เพื่อจัดประมูลใหม่
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุม บอร์ด รฟม.เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการรายงานว่าคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ยังยืนยันที่จะรอผลคดีจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤตมิชอบที่บริษัทบีทีเอส ยื่นฟ้อง แต่มีการเสนอว่าหากรอให้คดีสิ้นสุดจะส่งผลกระทลบต่อไทม์ไลน์การดำเนินโครงการที่จะเปิดให้บริการในปี 2570
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งนี้ มีการเสนอแนวทางการประมูลใหม่ โดยจะกลับไปใช้เกณฑ์คัดเลือกตามปกติ ที่จะพิจารณาจากข้อเสนอด้านราคา แต่จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องเทคนิคของผู้ประกวดราคา นอกจากจะต้องได้คะแนนข้อเสนอด้านเทคนิคเกิน 85% แล้ว ยังกำหนดคุณสมบัติให้ผู้รับเหมามีประสบการณ์ในการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดกับรัฐบาลไทยในช่วง 3-5 ปีเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เคยเข้าร่วมประมูลบางรายขาดคุณสมบัติ
“นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ามีการเจรจาให้ริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เคยร่วมยื่นประมูลกับบีทีเอส ในนามกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ โดยอาศัยประสบการณ์จากบริษัทซิโน-ไทย มาเป็นผลงานอ้างอิง แต่หากดึงซิโน-ไทย ออกมา จะทำให้กลุ่มบีเอสอาร์ต้องหาพันธมิตรใหม่ที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดใหม่เข้ามาแทน หากไม่สามารถหาได้จะทำให้บีทีเอส ขาดคุณสมบัติในการประมูล”แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้จัดการบีทีเอสซี กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดเกณฑ์ใหม่ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มแต่อย่างใด แต่ทางบีทีเอสยืนยันว่าพร้อมจะเข้าประมูลโครงการดังกล่าว ส่วนที่มีข่าวจะดึงพันธมิตรในกลุ่มบีเอสอาร์ออกไปเพื่อเขี่ยบีทีเอสนั้น ยังไม่ทราบ แต่หากเกณฑ์ประมูลที่ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส่ บริษัทต้องพึ่งความยุติธรรมจากศาลอย่างแน่นอน
——————
