‘ซีวิล’ ชี้ธุรกิจก่อสร้าง ได้แรงหนุนการลงทุนภาครัฐ คาดปี 65 งบโครงสร้างพื้นฐานพุ่ง 8.58 แสนลบ.

‘ซีวิล’ ชี้ธุรกิจก่อสร้าง ได้แรงหนุนการลงทุนภาครัฐ คาดปี 65 งบโครงสร้างพื้นฐานพุ่ง 8.58 แสนลบ.

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ความจริงแล้วไทยอาจยังไม่มีความพร้อมมากนักในการรับมือและป้องกันการระบาด แต่ถือว่ามีความเก่งมากแล้วในระดับหนึ่ง เพราะขณะนี้ไทยกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนที่ผลิตขึ้นเอง ทำให้มีความมั่นคงด้านสาธารณสุขมากขึ้น ส่งผลเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจตามมา ประกอบกับประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และมีการเปิดประเทศ โดยรัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ และวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านคมนาคมในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยประเมินว่าในปี 2565 จะมีโครงการลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และโครงการใหม่ออกมาอีก จึงคาดว่างบประมาณลงทุนก่อสร้างภาครัฐจะเพิ่มขึ้น 6-7% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 858,000 ล้านบาท ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวไปทิศทางใกล้เคียงกัน ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และการจ้างงานช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น

“ถือเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการก่อสร้าง และได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับเหมาขั้นสูงสุด เข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเข้าร่วมประมูลโครงการภายใต้บริษัทฯ หรือเข้าร่วมในโครงการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) รวมถึงการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมบริหารโครงการ เพื่อส่งมอบงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยเชื่อว่าบริษัทฯ จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจก่อสร้างของไทยได้” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในระยะถัดไป ยังมีโอกาสอีกมากในการโครงการก้อสร้างต่างๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเมืองใหญ่หรือเมืองหลักเท่านั้น แต่หมายถึงเมืองรองหรือตามต่างจังหวัดด้วย เนื่องจากถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการขยายโครงสร้างพื้นฐานในด้านการคมนาคม เพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่ใกล้เข้ามามากขึ้น รวมถึงหากเราพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกได้ดี จะกลายเป็นฮับในด้านการดูแลสุขภาพ ดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น ทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะกระจายออกไปตามต่างจังหวัด เขตเศรษฐกิจใหม่ และชายแดน เพื่อรองรับการค้าขายระหว่างประเทศด้วย

Advertisement

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาและงานก่อสร้างแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์และความชำนาญมากกว่า 50 ปี ได้พัฒนาบริหารโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ รวมถึงงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศแล้วมากกว่า 1,000 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่งานทาง งานรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง งานท่าอากาศยาน เขื่อนและอ่างเก็บน้ำ นิคมอุตสาหกรรมและงานอื่นๆ เป็นต้น ที่สามารถส่งมอบผลงานก่อสร้างที่มีคุณค่า สร้างยอมรับและไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ ‘ซีวิลเอนจีเนียริง’ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต

โดยการดำเนินธุรกิจได้ยึดมั่นวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานก่อสร้างขนาดใหญ่ งานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยจะส่งมอบและรักษาไว้ซึ่งผลงาน ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพี่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพ นำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากการมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญวิศวกรรมโยธา ความพร้อมเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการเป็นเจ้าของโรงงานผลิตวัสดุชิ้นส่วนก่อสร้าง เช่น โรงงานชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานโครงสร้างสะพานและรถไฟฟ้าความเร็วสูง โรงงานแอสฟัลท์ติกคอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ ท่อระบายน้ำคอนกรีต ราวเหล็กลูกฟูก ช่วยบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินโครงการที่มีประสิทธิภาพ

Advertisement

นายปิยะดิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและบริหารโครงการก่อสร้าง โดยมีความชำนาญงานก่อสร้างที่หลากหลายทั้งรูปแบบและประเภทงานโครงการ 2.กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่บริษัทฯ มีแหล่งเหมืองหินปูนที่มีคุณภาพและโรงงานวัสดุก่อสร้างจำนวน 11 แห่ง ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ

เพื่อใช้ในงานก่อสร้างของบริษัทฯ และจำหน่ายให้แก่คู่ค้า รวมถึงมีเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าระดับโลกที่ช่วยสนับสนุนต้นทุนดำเนินงานก่อสร้างที่ดี และ 3.ธุรกิจให้บริการอสังหาริมทรัพย์และให้เช่าเครื่องมือเครื่องจักร โดยเป็นผู้ให้เช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์และให้เช่าเครื่องมือเครื่องจักร เช่น รถเครน รถแบ็คโฮ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การดำเนินธุรกิจ และสอดคล้องกระแสของ Sharing Economy ของโลก เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจร่วมเติบโตไปด้วยกัน

นายปิยะดิษฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งพัฒนาขีดความสามารถการดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมก่อสร้างในยุคใหม่ ที่เน้นบริหารงานแบบยืดหยุ่น คล่องตัว และใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีส่งเสริมประสิทธิภาพในทุกกลุ่มธุรกิจ สร้างโอกาสเข้ารับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงต่อยอดสู่งานภาคเอกชนเพิ่มเติม และบริษัทฯ ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อผลิตชิ้นส่วนวัสดุที่มีคุณภาพใช้ในงานก่อสร้างที่ดำเนินงานภายใต้บริษัทฯ และจำหน่ายให้แก่คู่ค้า เป็นผลดีต่อการดำเนินงาน และผลักดันบริษัทฯ สู่การเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน

“บริษัทฯ ยึดมั่นในปณิธานในการทำหน้าที่ผู้สร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนในสังคม โดยพร้อมนำทรัพยากรขององค์กร ช่วยสนับสนุนการบริหารงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และต่อยอดงานภาคเอกชนรับโอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัยช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมของประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตยั่งยืน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image