| ผู้เขียน | ณัฐชนัน ฐิติพันธ์รังสฤต |
|---|
เดือนกันยายน 2564 รัฐบาลได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะชั่วคราว จากเดิม 60% เป็น 70% ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ได้ตัดสินใจขยายเพดานหนี้ในวินัยการเงินการคลัง มาตรา 28 จากเดิมรัฐบาลก่อหนี้ได้ 30% เป็น 35% ในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นการขยับเพดานหนี้ในวินัยการเงินการคลังครั้งที่สอง เพื่อเพิ่มช่องว่างการก่อหนี้
เนื่องจากรัฐบาลมีหนี้ที่ให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจออกให้ก่อน สะสมเป็นจำนวนมากจนใกล้ชนเพดานเดิม ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านการใช้เงินในโครงการจำนำข้าว ในรัฐบาลชุดเก่า และโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ในรัฐบาลปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน เจ้าภาพอย่างกระทรวงพาณิชย์ ก็ยังคงยืนยันที่จะทำโครงการประกันราคาต่อ แม้ว่าจะใช้เงินจำนวนมาก แค่การจ่ายชดเชยข้าวในฤดูการผลิต 2564/65 ก็มีจำนวน 8.9 หมื่นล้าน เพิ่มจากปีที่ผ่านมาเท่าตัวและหากไม่มีการควบคุมหรือการพัฒนาเกษตรกรรมไทย คงต้องชดเชยไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุดเสียที
และทางแก้ปัญหาเรื่องงบต่อมาคือ การที่ในปีงบประมาณต่อไป จะบรรจุงบการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีของทุกปี เพื่อลดภาระของหนี้ มาตรา 28 ในอนาคต
ซึ่งทางแก้ไขดูเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า เมื่อรัฐบาลถึงทางตัน มีรายจ่ายท่วมหัว แต่รายรับกลับลดลง ปัจจัยจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับผลจากโควิด เช่นเดียวกับคนเรา เมื่อหนี้จำนวนมากไม่สอดคล้องกับรายรับที่ลดลง ก็ย่อมมีปัญหาทางการเงิน แต่รัฐบาลอาจไม่ล้มง่ายๆ เหมือนประชาชนทั่วไป อาจเป็นการสะท้อนถึงวิกฤต ฝีมือการใช้เงินที่ผิดทางของรัฐบาลได้ จนต้องขยับขยายกรอบวินัยทางการเงินการคลังอีก
ในระยะยาว รัฐควรหาทางออกที่ดีให้เกษตรกรรมเติบโตอย่างยั่งยืนโดยด่วน เพราะหากดื้อใช้นโยบายประชานิยมต่อไปสถานการณ์คงบานปลาย ไม่ต่างกับโครงการในรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้!!
