นายเศรษฐวัชร์ พุทธทิพย์ นักวิเคราะห์อินเตอร์โกลด์ กล่าวถึงสถานการณ์ทองคำว่า หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาทองคำขึ้นไปเฉียด 29,000 บาทต่อบาททอง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมองแนวโน้มว่ามีโอกาสไปถึง 30,000 บาทได้ แต่เพียง 2 สัปดาห์หลังจากนั้นราคาทองปรับลดลงจนมาสู่ระดับ 28,000 บาท ทำให้นักลงทุนหลายคนสงสัยว่ามีใครคอยกำหนดราคาทองคำโลก หรือที่เรียกว่า “เจ้ามือ” อยู่หรือไม่ เพราะขณะนี้สัญญาณเงินเฟ้อทั่วโลกมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทางฝั่งสหรัฐฯที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก สูงสุดในรอบ 30 ปี สาเหตุมาจากการทำ QE อีกทั้งดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ด้านล่าง จากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ผลักดันให้ราคาทองคำวิ่งต่อทะลุ 30,000 บาทได้ ปรากฏว่าตั้งแต่ต้นปี 2021 จนใกล้สิ้นปี ทองคำไม่สามารถทะลุ 30,000 บาท ได้ และทำท่าเป็นแนวโน้มขาลง
“มีคำถามว่า เป็นเพราะมีเจ้ามือหรือไม่ ขออธิบายว่าตลาดทองคำเป็นตลาดที่ถูกจัดว่าใกล้เคียงกับคำว่า Perfectly Competitive Market หรือเป็นตลาดที่กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ การขึ้นลงของราคาจึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ-ขายทองคำของคนในตลาดเป็นอย่างมาก ดังนั้นการจะมี ‘เจ้ามือ’ ที่สามารถกำหนดทิศทางของราคาทองคำโลกได้จริงคงไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากตลาดทองคำโลกมีมูลค่าทั้งหมด 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อให้เป็นรายใหญ่หากต้องการผลักดันราคาทองไปทางใดทางหนึ่ง สัก 1% ต้องใช้เงินกว่า 1.17 แสนล้านดอลลาร์ อีกทั้งหาก ตลาด หรือคนถือทองอยู่ ทั้งนักลงทุนรายย่อย รายใหญ่ หรือกองทุนอื่น รวมพลังขายทำกำไร ราคาที่ดันมา 1% ก็อาจจะกลับไปที่เดิมได้ สรุปคือ รวยมหาศาลอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัย ‘ปัจจัย’ ที่มากกว่าการโยนเงินปริมาณมากๆเข้าไปในตลาด เพราะถ้าพลาดก็เสี่ยงที่จะขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน” นายเศรษฐวัชร์ กล่าว
นายเศรษฐวัชร์ กล่าวว่า ราคาทองที่ยังไปไม่ถึง 30,000 บาท ทั้งๆที่ปัจจัยต่างๆดูเหมือนจะเอื้อต่อสถานการณ์แล้วนั้น มองว่าเป็นเรื่องของการยังไม่ถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะตั้งแต่ต้นปี 2021 เป็นต้นมา เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากวิกฤตโควิด และสหรัฐฯก็เป็นหนึ่งในประเทศที่แก้ปัญหาได้ดีและมีแนวโน้มสูงที่จะกลับมาเป็นปกติเป็นประเทศแรกๆ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆมีความน่าสนใจมากกว่าทองคำที่กำลังอยู่ในช่วงพักตัว ประกอบกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อบวกกลับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ทองกลายเป็นสินทรัพย์ที่ดูน่าสนใจน้อยลงหรือถูกมองข้ามไป
“ถ้าถามว่าตอนไหนคือช่วงที่ทองคำจะกลับไปยืนเหนือ 30,000 บาทได้อีกครั้ง ก็ต้องตอบว่าตอนนี้ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทองคำร่วงมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคือนายเจอโรม พาวเวลล์ ได้รับเลือกเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 โดยนายพาวเวลล์ ส่งสัญญาณในช่วงที่ผ่านเสมอๆว่าเงินเฟ้อจะเป็นภาวะชั่วคราว โดยนายพาวเวลล์มีนโยบายเน้นการส่งเสริมการจ้างงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องเป็นเรื่องอันดับต้นๆ ส่งผลต่อเงินเฟ้อจะอยู่แค่ระดับกลางๆ สวนทางที่นักลงทุนลุ้นจะได้ประธานเฟดคนใหม่ที่จะมีนโยบายส่งเสริมในเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งสูง เปิดทางให้ทองคำมีราคาปรับเพิ่มขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลถึง “เจ้ามือ” ที่เราพูดถึงก็อาจจะยังไม่เอาด้วย” นายเศรษฐวัชร์ กล่าว
ส่วนราคาทองจะกลับมาเป็นขาขึ้นเมื่อไร สิ่งที่ต้องจับตาคือเงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งและภาพรวมของการจ้างงานและเศรษฐกิจของสหรัฐฯดูจะไปต่อไม่ได้ ซึ่งต้องรอลุ้นกันยาวๆ แต่ขณะนี้ ราคาทองลงมาสู่ระดับ 28,000 บาทอีกครั้ง หากราคาทองเริ่มหลุด 28,000 บาท หรือหลุดแนวรับสุดท้ายที่ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อาจได้เห็นภาพการซึมหรือขาลงของราคาทองคำระยะยาว ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน – 1 ปี ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปี 2565 ยังมีโอกาสได้ลุ้นราคาทองปรับขึ้นได้ เพราะเป็นช่วงการสิ้นสุดการเติมเงินเข้าระบบ หรือมาตรการ QE จะเป็นช่วงจังหวะทองปรับราคาขึ้น เป็นโอกาสของนักลงทุนที่ซื้อทองในช่วงราคาแพงสามารถขายออกเพื่อล้างขาดทุน หรือหลุดจากดอยได้