เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความน่าเชื่อถือ สะดวก ปลอดภัย และสอดรับกับพฤติกรรมของคนในยุคดิจิทัล โดยออกมาเป็นระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ “Mobile ID”
“วันนี้สำนักงาน กสทช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการ “Mobile ID” เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทดสอบทดลองการใช้งานในระยะ Sandbox โดยจะเริ่มจากการใช้ Mobile ID เพื่อเปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพ และภายในไตรมาส 1 ปี 2565 จะสามารถให้ประชาชนร่วมทดลองใช้บริการกับหน่วยงานอื่นๆ ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ร่วม MOU ไว้ เช่น ใช้บริการ “Mobile ID” เพื่อยืนยันตัวตนในการสมัครใช้บริการใบขับขี่ดิจิทัล DLT QR License ของกรมการขนส่งทางบก การยืนยันตัวตนเพื่อเข้าระบบเพื่อยื่นภาษีแบบออนไลน์ E-FILING ของกรมสรรพากร การแสดงตนเพื่อรับ-ส่ง พัสดุของไปรษณีย์ไทย และการเปิดบัญชีการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET เป็นต้น” นายสุทธิศักดิ์ กล่าว
นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการขยายบทบาทสู่การเป็น Digital Platform ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อก่อให้เกิดพลังในการขยายขีดความสามารถสร้างสรรค์ Innovation หรือบริการ Digital ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งโครงการ Mobile ID ระยะทดสอบนี้ เอไอเอส ได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นรายแรกของประเทศ เพื่อให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้าของเอไอเอส ให้มีความสะดวก ปลอดภัย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ครอบคลุมถึงธุรกรรมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และพร้อมที่จะส่งเสริมนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนให้ใช้ดิจิทัลไอดีในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศอีกด้วย
นายเรวัฒน์ ตันกิตติกร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานช่องทางการขาย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคยินดีสนับสนุนรัฐบาล และ กสทช. ในการพัฒนาการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล ให้ประสบความสำเร็จและใช้งานได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้กลยุทธ์ Fast Forward Digital ในการมุ่งเน้นให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมด้วย พันธกิจ “ดีทั่วดีถึง” เพื่อชีวิตเท่าเทียม ลดอุปสรรคในการเข้าถึงและมุ่งส่งเสริมการใช้การงานดิจิทัลเพื่อทุกคนทั่วไทย
“เรามองเห็นโอกาสมากมายสำหรับการให้บริการดิจิทัลที่สะดวกเพิ่มขึ้น และไว้ใจได้ในความปลอดภัยของข้อมูลแก่ลูกค้าของเรา โดยระบบ Mobile ID นี้จะช่วยให้ลูกค้าดีแทคสามารถลงทะเบียนซิมใหม่หรือรับบริการธุรกรรมอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว และระบบ Mobile ID สามารถลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ในกระบวนการยืนยันตัวตนได้อีกด้วย” นายเรวัฒน์ กล่าว
นายนิติธรรม โกวิทกูลไกร หัวหน้าคณะผู้บริหาร (ร่วม) ด้านสินค้าและบริการ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. สนับสนุนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชน ให้มีความสะดวก และปลอดภัย โดยการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID จะทำให้ลูกค้าของทรู สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยการร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึงและแพร่หลายในทุกมิติ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย
นายวงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานดิจิทัล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า NT เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลของประเทศเพื่อสนับสนุนนโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย นวัตกรรรม NT จึงได้ร่วมพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยMobile ID เพื่อให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมต่างๆ กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยหลังจากสมัครใช้บริการ Mobile ID แล้ว ลูกค้า NT สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนเพื่อเข้ารับบริการกับหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการได้
นายกึกก้อง รักเผ่าพันธุ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพมีความยินดีที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการริเริ่มพัฒนาระบบ Mobile ID ร่วมกับสำนักงาน กสทช. และภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม จนสามารถได้เริ่มเปิดใช้บริการดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงเทพเป็นแห่งแรก ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยอำนวยความสะดวก และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ทั้งการใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่สามารถเปิดใช้งานบัญชีเงินฝากออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ สะดวกสบาย ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงกรณีการใช้บริการที่สาขาของธนาคาร Mobile ID ก็ช่วยยืนยันเบอร์โทรศัพท์ได้ง่ายๆ ที่สำคัญลูกค้ายังคงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของการทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลของลูกค้าอย่างถูกต้องก่อนทำธุรกรรม ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมากและเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือในฐานะสถาบันการเงิน
ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของธนาคารกรุงเทพที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านดิจิทัลของประเทศไทย อันจะมีบทบาทสำคัญและสามารถต่อยอดไปสู่ความก้าวหน้าด้านบริการทางการเงินได้อีกหลากหลายมิติในอนาคต
ข้อมูลเบื้องต้น
ระบบ “Mobile ID” ได้พัฒนาเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA จึงมีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการสามารถสมัครใช้บริการ “Mobile ID” เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ ณ ศูนย์บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ โดยแสดงบัตรประชาชนแก่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบความถูกต้องและถ่ายภาพใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบพิสูจน์ตัวตนของท่าน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถใช้บริการ “Mobile ID” ผ่านแอพพลิเคชั่นของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของท่าน กับธุรกรรมของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้แล้ว
โดยในระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ประชาชนจะสามารถสมัครและใช้บริการ “Mobile ID” ในการเปิดบัญชีกับ “ธนาคารกรุงเทพ” โดย ลูกค้า AIS สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ และลูกค้าจะสามารถใช้ Mobile ID ไปยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ 9 สาขานำร่องในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักงานใหญ่สีลม เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลวิลเลจ ดิเอ็มควอเทียร์ จามจุรีสแควร์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เดอะคริสตัล 2 และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2
และภายในเดือนธันวาคมนี้ ลูกค้าของ NT จะสามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 ประชาชนจะสามารถใช้บริการ “Mobile ID” ในการยืนยันตัวตน กับ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร ไปรษณีย์ไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และเครดิตบูโร ต่อไป