อาคม แย้มของขวัญปีใหม่ หั่นภาษี-ล่อเศรษฐี ลุ้นต่อคนละครึ่งเฟส-ปีหน้า 4 เครื่องยนต์จุดติด

อาคม แย้มของขวัญปีใหม่ หั่นภาษี-ล่อเศรษฐี ลุ้นต่อคนละครึ่งเฟส-ปีหน้า 4 เครื่องยนต์จุดติด

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ธันวาคม มาตรการหลักจะช่วยกระตุ้นการบริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ เน้นการลดหย่อนภาษีในหลายเรื่อง จะนำมาดำเนินการแทนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ไม่ได้รับความนิยมมากนัก

“ของขวัญปีใหม่เราจะช่วยการใช้จ่ายหลายโครงการ โดยเฉพาะกลุ่มมีกำลังซื้อที่อยากออกมาจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะชื่อมาตรการอะไร แต่จะเป็นการลดหย่อนภาษี ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 นั้น จะดูอัตราการใช้จ่ายของประชาชนว่าปรับตัวดีขึ้นมากน้อยอย่างไร” นายอาคมกล่าว

นายอาคมกล่าวว่า ในต้นปี 2565 จะมีการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่แน่นอน ซึ่งเป็นการทบทวนผู้ได้รับสิทธิ และเพื่อเป็นการดูแลประชาชนระดับฐานราก รวมทั้งจะมีความชัดเจนในนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในต้นปี 2565 ด้วย ส่วนการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รัฐบาลยังคงเข้มงวดในมาตรการสาธารณสุข และเชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบกับกิจกรรมในช่วงปลายปี

ประเมินกู้วิกฤตโควิด 3 ปี

นายอาคมยังได้กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจในปี 2565 ว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4% และในปี 2566 จะมีแรงขับเคลื่อนจากภาคท่องเที่ยวเข้ามาเสริม จะทำให้มีแรงฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม วิกฤตโควิดครั้งนี้ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างน้อย 3 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤต เนื่องจากสร้างผลกระทบกับประชาชนฐานราก สังคมส่วนรวม ภาคธุรกิจ ต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ในปี 2552 ที่ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่

Advertisement

นายอาคมกล่าวว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวผ่าน 4 เครื่องยนต์หลัก ได้แก่ 1.การส่งออก มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง 2.เม็ดเงินจากภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบ 1 ล้านล้านบาท มาจากเม็ดเงินจากงบประมาณลงทุนของภาครัฐ 6 แสนล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท และอีก 1 แสนล้านบาท จะมาจาก พ.ร.ก.กู้เงินฉบับเพิ่มเติม ขณะนี้เหลืออยู่ 2 แสนล้านบาท 3.การลงทุนภาคเอกชน โดยปี 2563-2564 ที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้สูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และ 4.การบริโภค โดยรัฐจะเข้าไปสร้างความมั่นใจเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้จ่าย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image