‘เอฟดับบลิวดี’ อวดพอร์ตเบี้ยประกันชีวิตโต 1.1 หมื่นลบ. ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 2 ในธุรกิจรวม

‘เอฟดับบลิวดี’ อวดพอร์ตเบี้ยประกันชีวิตโต 1.1 หมื่นลบ. ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 2 ในธุรกิจรวม

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจประกันในปี 2565 ประเมินว่าผลิตภัณฑ์ประกันที่จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคสูงอย่างต่อเนื่อง มี 4 ประเภท ได้แก่ 1.ประกันโรคร้ายแรง 2.ประกันแบบโอพีดี หรือประกันผู้ป่วยนอก สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ และประกันแบบไอพีดี หรือประกันผู้ป่วยใน ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง 3.ประกันแบบยูนิตลิ้งก์ หรือประกันควบคู่การลงทุน และ 4.ประกันแบบบำนาญ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้สูงขึ้น เพราะประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยในอนาคตอันใกล้นี้

โดยภายหลังควบรวมกิจการระหว่างบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“FWD Life”) และบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“SCB Life”) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งจากภายใน สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียวผ่านการปลูกฝังแนวคิดยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ปรับระบบการทำงานภายในให้มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทำให้บริษัทฯ สามารถคว้า 2 รางวัลระดับโลก พร้อมสร้างการเติบโตผ่านเบี้ยประกันชีวิตรับเทียบเท่าเบี้ยรับรายปี ช่วง 3 ไตรมาสมีมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของธุรกิจประกันชีวิตในภาพรวม

“การระบาดโควิด-19 ถือเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทฯ ที่มีการควบรวมเข้ามาเป็นเรื่องท้าทายเพิ่มขึ้น แต่การปรับตัวได้รวดเร็ว และนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนจะสามารถทำให้อยู่รอด ซึ่งบริษัทฯ เข้าใจสถานการณ์และมองเห็นโอกาสในการปรับกลยุทธ์สู่ดิจิทัลแบรนด์ในทุกมิติ มีการพัฒนาช่องทางการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

เน้นวิธีการสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น ผ่านคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะโควิด ให้สามารถกล้าออกมาใช้ชีวิตได้มากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิดไม่แตกต่างจากทุกธุรกิจ แต่ในส่วนประกันโควิด บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังสามารถควบคุมได้” นายเดวิดกล่าว

Advertisement

นายเดวิด กล่าวว่า สำหรับการปรับตัวสู่ภายนอก บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาช่องทางการให้บริการผ่านแอพพลิเคชัน เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและโรคร้ายแรง ซึ่งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้ออกผลิตภัณฑ์ โอพีดีคุ้มครบ จบหายห่วง และซีไอ ฟิวเจอร์ คับเว่อร์ หมดห่วง

รวมทั้งการพัฒนาบริการเอพดับบลิวดี แคร์ เป็นรายแรกของธุรกิจประกันชีวิต ที่ให้ความดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านบริการพิเศษต่างๆ หลังจากที่ลูกค้าได้รับค่าสินไหมทดแทน ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวมีอัตราเติบโตด้านเบี้ยประกันรับกว่า 300% เมื่อเทียบกับปี 2563

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image