ผู้ประกอบการของขวัญฯ วอนครม.นำรณรงค์ให้คนไทยซื้อของชุมชนมอบ ‘ของขวัญ’

ผู้ประกอบการของขวัญของชำร่วย วอนครม.นำรณรงค์ให้คนไทยซื้อของชุมชนมอบเป็นของขวัญ

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทย เปิดเผย’มติชน’ว่า การสำรวจแหล่งจำหน่ายของขวัญของชำร่วยและของตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของคนทั่วไป อาทิ สำเพ็ง พาหุรัด โบ๊เบ๊ เป็นต้น ซึ่งปกติจะมีผู้ประกอบการจากทั่วประเทศเดินทางหรือมีคำสั่งซื้อสินค้าเกี่ยวกับปีใหม่เป็นการล่วงหน้าเพื่อเตรียมไว้จำหน่ายช่วงเทศกาล พบว่า ปีนี้แหล่งค้าส่งค้าปลีกที่เป็นแหล่งรวมสินค้าไม่ได้คึกคัก ร้านค้าที่ปิดตัวชั่วคราวก็ยังไม่เปิดดำเนินการได้เท่าปกติ บางส่วนเลิกกิจการ จากสอบถามผู้ค้าชี้ในทิศทางเดียวกันว่ากำลังซื้อไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ผิดจากที่คาดการณ์ไว้มาก ทั้งนี้ ประเมินกันว่าสินค้าที่ขายได้ส่วนใหญ่จากการที่บลูกค้าหันสั่งจากออนไลน์ และการซื้อในค้าปลีกหลังจากที่รัฐบาลผ่อนปรนให้เปิดบริการแล้ว ทำให้แต่ละห้างแข่งขันด้านราคาจูงใจลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้เดินห้างมากขึ้น แต่พบว่า ยอดซื้อต่อครั้งน้อยกว่าเดิม สวนทางกับกำลังใช้จ่ายเพื่อการจองห้องพักและซื้อของกินสูงกว่าสินค้าฟุ่มเฟื่อยและสินค้าทั่วไป ปีนี้ถือว่าเดาสถานการณ์ได้ยากมาก เพราะคนกลัวซ้ำรอยปีก่อน ไม่กล้าตุนของไม่กล้าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม คดาหวังว่าการประกาศจัดเคาต์ดาวน์น่าจะเป็นแรงส่งกำลังซื้ออีกครั้งในปลายปีนี้

“ตลาดของขวัญ ยกเว้นกระเช้าที่คาดว่ายังเป็นสินค้าที่จำหน่ายได้และมีมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท ส่วนของขวัญทั่วไปซึ่งต้องพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวและผู้มีรายได้ปานกลาง ปีนี้ซึมตัวมาก แหล่งค้าส่งค่อนข้างเงียบเหงา ที่เคยซื้อวัตถุดิบหรือของชำร่วยไปทำเป็นของขวัญมอบกัน มูลค่าต่อปีประมาณ 2,000 ล้านบาท ปีนี้น่าจะเหลืออย่างมากก็ 1,000 ล้านบาท และรูปแบบสินค้าจะเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ ป้องกันเชื้อโรค และไฮเทคชิ้นเล็กๆมากขึ้น ที่น่าห่วงมากคือกลุ่มชุมชนและเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ปีนี้น่าจะแย่ จากสำรวจคำสั่งซื้อไม่ถึง30% ก็อยากเสนอให้ที่ประชุมครม.วันที่ 21 ธันวาคมนี้ ที่จะประกาศว่ากระทรวงใดมีของขวัญอะไรมอบให้ประชาชน อยากให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรณรงค์ให้ซื้อของจากชุมชนเพื่อมอบเป็นของขวัญระหว่างกัน เมื่อรัฐบาลประกาศจะเป็นแรงส่งเงินกระจายไปฐานราก”นายจิรบูลย์ กล่าว

นายจิรบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตลาดส่งออกของขวัญของตกแต่งของไทยปีนี้ดีขึ้นมาก ทั้งปี 2564 น่าจะโต 12 -14 % มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ปี 2565 น่าจะโตได้อีก 12 % และมูลค่าเกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์หลักจากจีนกำลังประสบปัญหาไฟฟ้าสะดุดและหยุดปล่อย กระทบต่อการผลิตในจันอย่างมาก และพิษของเทรดเวอร์ยังอยู่ทำให้สหรัฐและยุโรปซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image