ไทยส่งออก11เดือน โต16.4% ทั้งปี64สร้างรายได้8ล้านล้านบาท “จุรินทร์” มอบ3นโยบายทูตพาณิชย์ ฝ่าวิกฤตโอไมครอน เป้าดันไม่ต่ำกว่า 2.4 หมื่นล้านดอลล์/เดือน
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2565 มีมูลค่า 23,647.9 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 24.7% การนำเข้ามีมูลค่า 22,629.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 20.5% และได้ดุลการค้า 1,018.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ 11 เดือนแรกปี 2564 ส่งออกรวม 246,243.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 16.4% นำเข้า 242,315.9 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 29.4% ได้ดุลการค้า 3,927.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ในส่วนส่งออกคิดเป็นเงินบาท 11 เดือนแรกมีมูลค่าประมาณ 7.73 ล้านล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การส่งออกเดือนพฤศจิกายน ขยายได้สูงจากการส่งออกสินค้าเกษตร ขยายตัว 13 เดือนต่อเนื่อง มีมูลค่า 2,066.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บวก 14.2% ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง มีมูลค่า 1,728.7 ล้านเหรียญสหรัฐญ บวก 21.2% และส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง มีมูลค่า 18,787.3 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 23.1% สินค้าที่ขยายตัวได้สูง อาทิ ทุเรียนสด บวก 138.9% โดยส่งออกได้สูงไปตลาดจีนและเกาหลีใต้ มะม่วงสด บวก48.6% ส่งออกมากไปตลาดมาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา ญี่ปุ่นและลาว
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง บวก 48.6% ส่งออกดีไปตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้และมาเลเซีย ลำไยสด บวก 24.7% ส่งออกดีไปตลาดจีน ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ยางพารา บวก 23.5% น้ำตาลทราย เดือนพฤศจิกายน บวก 74% ผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป บวก 34.5% และอาหารสัตว์เลี้ยง บวก 25.9% สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมเหลว เป็นต้น บวก 72.9%
เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ บวก 51.9% อัญมณีและเครื่องประดับ บวก 24.9% แผงวงจรไฟฟ้า บวก 26.7% คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ บวก 19.9% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ บวก 12% เป็นต้น ขณะที่ตลาดส่งออกส่วนใหญ่ก็ขยายตัว อาทิ เอเชียใต้ บวก 66% อาเซียน บวก 55.1% ตะวันออกกลาง บวก 40.7% เกาหลีใต้ บวก 30.6% สภาพยุโรป บวก 30.2% รัสเซียและกลุ่มประเทศ CSI บวก 27.3% จีน บวก 24.3% ไต้หวัน บวก 24.2% สหรัฐฯ บวก 20.5%และทวีปแอฟริกา บวก 18.4%
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกเดือนพฤศจิกายน คือ1. การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในทุกรูปแบบร่วมกับภาคเอกชนในรูป กรอ.พาณิชย์ (คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์) 2.การบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องในหลายประเทศ 3.การขยายตัวของภาคการผลิตทั่วโลก ดัชนี PMI (ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิตโลก เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ส่งผลให้ขายดีขึ้น 4. ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าอยู่ จะช่วยให้เราเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาได้ในตลาดโลก 5.การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสินค้าเกษตร น้ำมันดิบ โลหะเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออก ทำให้ราคาในตลาดโลกสูงขึ้น
“ เหลือเวลาอีก 1 เดือน คาดว่าส่งออกยังขยายตัวได้ดี ทั้งปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ 15-16% ส่วนปี 2565 คาดโต 4.1 % จะมีการประชุมหารือกับภาคเอกชนและทูตพาณิชย์ทั่วโลก ก่อนจะประกาศตัวเลขเป้าหมายการส่งออก เบื้องต้นจะประชุมกรอ.พาณิชย์ในต้นเดือนมกราคม และสั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอไมครอน ซึ่งอาจมีผลต่อการขนส่งและโลจิสติกส์สินค้าไทยไปทั่วโลก “ นายจุรินทร์ กล่าว
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงปีใหม่2565 คือ 1.การแพร่ระบาดของโอไมครอนจะรุนแรงแค่ไหน 2.ค่าระวางเรือและค่าขนส่งสูง 3. ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ และ4. การใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมในประเทศนำเข้า โดยเฉพาะ จีน สหรัฐ และยุโร”นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า ปีนี้การส่งออกขยายตัวได้ 15-16% แน่แล้ว หรือ ขยายตัวสูงสุดในรอบ 12 ปี นับจากปี 2553 คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.68 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 8 ล้านล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าสินค้าไทยจะเป็นที่ต้องการ และมีโอกาสส่งออกได้มูลค่าเดือนละกว่า 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าปีนี้ “ นายรณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้มอบ 3 นโยบายให้ทูตพาณิชย์ เร่งดำเนินการคือ พัฒนาผู้ประกอบการเข้าระบบออนไลน์ ผลักดันสินค้าอนาคต อาทิ ดิจิทัล อาหาร สินค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา และสร้างผู้ประกอบการรายใหม่
