| ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
|---|
จอดป้ายประชาชื่น : ท่อน้ำมันลดเหลื่อมล้ำสังคมไทย
โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือเป็นโครงการที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงาน เพื่อลดการขนส่งด้วยรถบรรทุกที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าท่อ และยังลดค่าใช้จ่าย ส่งผลต่อราคาน้ำมันปลายทาง
ล่าสุด โครงการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดำเนินการโดย บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ในเครือ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS วงเงินลงทุน 10,900 ล้านบาท ดำเนินการ 2 ระยะ
ระยะ 1 ส่วนต่อขยายจากท่อขนส่งน้ำมันเดิมของ FPT จากคลังน้ำมันบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาไปคลังน้ำมันพิจิตร อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร (บางปะอิน-กำแพงเพชร-พิจิตร) ระยะทาง 367 กม. เปิดบริการเชิงพาณิชย์มิถุนายน 2562 ระยะ 2 ดำเนินการต่อจากสถานีเพิ่มแรงดันและแยกระบบท่อกำแพงเพชรไปคลังน้ำมันนครลำปาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง (กำแพงเพชร-ลำปาง) ระยะทาง 209 กม. เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์กันยายน 2564
รวมระยะทางท่อขนส่งน้ำมัน 576 กม. ยาวที่สุดในประเทศไทย ขนส่งได้ 9,000 ล้านลิตรต่อปี ทั้งน้ำมันอากาศยาน ดีเซล เบนซิน เบนซินพื้นฐานออกเทน 91 และ 95 ในท่อเดียวกัน
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร BAFS ระบุด้วยว่า ความน่าสนใจของโครงการ คือ การตอบแทนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ไฟฟ้าทำให้ได้คาร์บอน เครดิต จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และลด PM 2.5
พร้อมเป็นยุทธศาสตร์หลักเก็บสำรองน้ำมัน รองรับการเติบโตของภาคเหนือ เป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปประเทศเพื่อนบ้าน ความสะดวก รวดเร็วขึ้น
คลังน้ำมันนครลำปางยังตั้งอยู่ในแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ เชื่อมโยงประเทศจีน-พม่า-ลาว-ไทย (คุนหมิง-เชียงรุ้ง-ต้าหลั่ว-เชียงตุง-ท่าขี้เหล็ก/แม่สาย) ผู้ค้าทุกรายสามารถเข้าถึงการขนส่งน้ำมันทางท่อได้ เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานของอาเซียน
ขณะเดียวกันยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ลดอุบัติเหตุและมลพิษจากการขนส่งด้วยรถยนต์ ทำให้ประชาชนภาคเหนือใช้น้ำมันราคาใกล้เคียงกรุงเทพฯ ไม่ขาดแคลนน้ำมันทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน ลดความเหลื่อมล้ำอีกทางหนึ่ง
