โซลาร์ปชช.ยังเดินต่อ แต่ปี’65 รับซื้อไฟแค่10เมก รอก.พลังงานเคาะสุดท้าย

โซลาร์ปชช.ยังเดินต่อ แต่ปี’65 รับซื้อไฟแค่10เมก รอก.พลังงานเคาะสุดท้าย

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่า โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาสำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านที่อยู่อาศัย(โซลาร์ภาคประชาชน) ปี 2565 เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเปิดรับซื้อในปริมาณรวมประมาณ 10 เมกะวัตต์(10,000 กิโลวัตต์KWp) เนื่องจากการเปิดรับในปี 2564 ปริมาณ 50 เมกะวัตต์เป็นระยะเวลา 10 ปีโดยปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ขายเข้าสู่ระบบจาก 1.68 บาทต่อหน่วยเป็น 2.20 บาท/หน่วยเบื้องต้นพบ 174 รายจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD)ประมาณ 1 เมกะวัตต์(1,003 กิโลวัตต์)เท่านั้นและเมื่อรวมดำเนินการตั้งแต่ปี 2562-จนถึง 30 พ.ย.2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 994 รายกำลังผลิตติดตั้ง5.49 เมกะวัตต์( 5,499 กิโลวัตต์)

กกพ.ได้รับนโยบายมาเบื้องต้นว่ายังเดินหน้าส่งเสริมต่อไป โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้หารือกับทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เขาก็วางไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 10 เมกะวัตต์ในปี 2565 แต่ต้องรอคอนเฟิร์มตัวเลขที่ชัดเจนอีก ซึ่งเอาจริงๆ รัฐเองก็ไม่คาดหวังในเรื่องของปริมาณไฟฟ้าจากโครงการนี้เพราะต้องเข้าใจว่าหลังคาบ้านประชาชนติดได้ราว 5 กิโลวัตต์เท่านั้นปีหนึ่งๆ มาได้ระดับ 100 กว่าหลัง ดังนั้น 10 เมกะวัตต์จะมีบ้านติดได้ราว 2,000 หลังถือว่าค่อนข้างมากอยู่

ทั้งนี้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของบ้านที่อยู่อาศัยถือเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนมากกว่าว่า ต้องการประหยัดไฟฟ้าในช่วงกลางวัน หรือ ต้องการดูแลสิ่งแวดล้อม และการตัดสินใจก็อยู่ที่ปัจจัยต่างๆ ทั้งความคุ้มค่าการลงทุนซึ่งต้องเน้นผู้ที่อยู่อาศัยในช่วงกลางวันหากติดแล้วเน้นใช้กลางคืนก็จะต้องติดระบบแบตเตอรี่(ESS)ซึ่งก็จะต้องลงทุนเพิ่มอีก ขณะเดียวกันลักษณะบ้านที่เป็นบ้านเก่าแต่ละหลังต้องดูโครงสร้างว่าเอื้อหรือไม่ หากบ้านใหม่ก็ต้องออกแบบไว้เลยก็จะง่ายกว่า รวมไปถึงค่าไฟฟ้าในขณะนั้นโดยยอมรับว่า ค่าไฟฟ้าปี 2565 ที่ปรับตัวสูงอาจจะทำให้ความสนใจในการติดตั้งมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามราคาแผงโซลาร์ฯที่แพงขึ้นขณะนี้มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นแต่เชื่อว่าในที่สุดการผลิตก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามมาและทำให้ราคามาอยู่ในจุดสมดุลได้

สำหรับรายละเอียดโครงการโซลาร์ภาคประชาชนสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2564 ที่มีการรับซื้อ 50 เมกะวัตต์ (50,000 กิโลวัตต์หรือ KWp) แบ่งเป็น การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) 15 เมกะวัตต์ (15,000 กิโลวัตต์) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 35 เมกะวัตต์ (35,000 กิโลวัตต์) ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 64 มีผู้ยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าที่มีเอกสสารครบถ้วน 2,027 รายกำลังผลิตติดตั้ง 11,048 กิโลวัตต์ ผ่านการตรวจสอบด้านเทคนิค 1,864 ราย(กฟน.1,046 ราย กฟภ.818 ราย) กำลังผลิตติดตั้งรวม10,092 กิโลวัตต์ ลงนามซื้อขายไฟฟ้า(PPA) 851 ราย รวมกำลังผลิตติดตั้ง 4,764 กิโลวัตต์และจ่ายไฟเข้าระบบ(COD) 174 รายรวมกำลังผลิตติดตัง 1,003.8 กิโลวัตต์

ADVERTISMENT

ด้านโครงการพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์กลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยบาลและสูบน้ำเพื่อการเกษตรที่เปิดรับคำเสนอขอขายไฟฟ้ารวม 50 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงเรียนและสถานศึกษา 20 เมกะวัตต์ โรงพยาบาล 20 เมกะวัตต์ สูบน้ำเพื่อการเกษตร 10 เมกะวัตต์ เริ่มตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2564-30กันยายน 2564มีผู้ยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้ารวม 79 รายกำลังผลิตติดตั้ง 8,800 กิโลวัตต์ (8.8เมกะวัตต์) แบ่งเป็น โรงเรียนและสถานศึกษา 72 ราย และสูบน้ำเพื่อการเกษตร 7 รายส่วนโรงพยาบาลไม่มีการยื่นเสนอ แต่ผ่านการตรวจสอบด้านเทคนิค 21ราย(โรงเรียน สถานศึกษา20ราย) สูบน้ำเพื่อการเกษตร 1 ราย รวมกำลังผลิตติดตั้ง 2,311.94กิโลวัตต์ ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 7 รายรวมกำลังผลิต 790.2 กิโลวัตต์