โฆษณาไทยปีนี้ ลุ้นมูลค่าแสนล้าน ‘ดิจิทัล-ออนไลน์’ แรง!!

อุตสาหกรรมโฆษณาไทย ปี 65 มีลุ้นมูลค่าตลาดแตะแสนล้าน ‘ดิจิทัล-ออนไลน์’ โดดเด่น

เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาปี 2565 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2564 และมีโอกาสขยายตัว 3-5% โดยมีตลาดโฆษณาจะมีมูลค่า 8-9 หมื่นล้านบาท หรืออาจแตะ 1 แสนล้านบาท หากการใช้งบประมาณกับการหาเสียงเลือกตั้งการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับเขตพื้นที่ในปี 2565 และทำการโฆษณาต่อเนื่องปูทางไว้สำหรับการเลือกตั้งประเทศในปีถัดๆ ไป บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมนี้ มองว่าพ้นผ่านจุดแย่สุดต่ำสุดแล้วในปี 2563 โดยในปีธุรกิจและองค์กรต่างๆ ฟื้นการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นใช้จ่ายและสร้างการรับรู้ผ่านการโฆษณา ตัวเลขล่าสุดเดือนพฤศจิกายนติดลบ 1% แต่คาดว่าตัวเลขสิ้นปี 2564 จะบวกได้ 1-2% เพราะผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศในไตรมาส 4/2564 และการแพร่ระบาดของโอมิครอนสร้างความกังวลระดับแรกๆ แต่เมื่อการติดเชื้อไม่รุนแรงถึงชีวิต การเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น คนเรียนรู้การใช้ชีวิตบนการแพร่ระบาด ทำให้ธุรกิจและการใช้ชีวิตนอกบ้านยังมีอยู่ ไม่เหมือนการระบาดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม หากจะให้เสมอตัวเท่าก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด อย่างเร็วปี 2565หรือ 2566

นายรติ กล่าวว่า ธุรกิจดาวเด่นต่อการใช้งบโฆษณาต่อเนื่องในปี 2565 อันดับแรก คือ กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคหลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งพบว่าช้อปปิ้งกว่า 50% ซื้อขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ กลายเป็นสิ่งคุ้นชินต่อการสั่งผ่านแพลตฟอร์ม ราคาถูก และส่งถึงบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจการให้บริการและผลิตสินค้าปรับตัวตามครั้งใหญ่ ตั้งแต่ธนาคาร/สถาบันการเงินเพิ่มความสะดวกการทำธุรกรรมบนมือถือ เริ่มเห็นการขายรถยนต์ ขายประกันภัย เป็นต้น ตามด้วยธุรกิจรอการฟื้นตัว ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าและซ่อมแซมหรือปรับปรุงสุขภัณฑ์ ซึ่งจำนวนมากใช้โอกาสที่ทำงานที่พัก (เวิร์กฟรอมโฮม) ทำการปรับปรุงที่พักอาศัยและปรับพื้นที่รับวิถีใหม่ เชื่อว่าการระบาดของโควิดจะยังใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าจะคลี่คลายแท้จริง

“อีก 2 กลุ่มที่โดดเด่นและมีผลต่อการใช้เงินโฆษณาเพื่อชิงตลาดมากขึ้น คือสินทรัพย์ดิจิทัล/การซื้อขายคริปโท/การใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการ กำลังเป็นที่จับตาของธุรกิจว่าจะมีการโฆษณาในแบบใดได้บ้างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย อีกกลุ่มคือ อีสปอร์ต การใส่ใจสุขภาพและการออกกำลังกาย และสนใจผ่านเกมกีฬากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น จากการที่คนมีเวลาต่อการทำงานที่พักและต้องการผ่อนคลาย ส่วนช่องทางโฆษณาก็ปรับเพิ่มไปตามความนิยม เน้นออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ แต่สัดส่วนก็ยังใกล้เคียง 50/50 เพราะอย่างไรก็มีคนต้องการออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ทั้งซื้อของ ท่องเที่ยว ออกำลังกาย เพราะคนอั้นต่อการอยากใช้ชีวิตปกติกันแล้ว ดังนั้นโฆษณาบนป้ายหรือแผ่นกระดาษ ก็ยังอยู่ได้ หากตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการได้จริง” นายรติ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image