ห่วงก๊าซขาดทำไฟดับ!! “บิ๊กตู่” อนุมัตินำเข้าแอลเอ็นจี 4.5 ล้านตัน เสริมแหล่งเอราวัณ
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงต่อกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติของไทย เพราะเกี่ยวเนื่องกับการผลิตไฟฟ้า โดยไม่ต้องการให้เกิดปัญหาไฟดับไฟตก หรือขาดแคลนก๊าซ หลังจากการเปลี่ยนผ่านการผลิตก๊าซแหล่งเอราวัณ (G1/61) เพิ่งได้ข้อยุติระหว่างเชฟรอน ในฐานะผู้รับสัมปทานรายเก่า และ ปตท.สผ.ในฐานะผู้ชนะการประมูลระบบแบ่งปันผลผลิต
ดังนั้น ในการประชุม กพช. จึงพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติปี 2565 เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านการผลิตก๊าซแหล่งเอราวัณ (G1/61) เพื่อให้การผลิตได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องสามารถเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่ต้องผลิตได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งขณะนี้การผลิตเหลือ 500 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน ดังนั้นจึงมีแผนให้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ปี 2565 จำนวน 4.5 ล้านตัน เพิ่มเติมจากสัญญาระยะยาวของ ปตท.ที่ปัจจุบันมีอยู่ 5.2 ล้านตันต่อปี เบื้องต้นจะให้ ปตท.นำเข้าเป็นหลัก รวมทั้งผู้นำเข้า (ชิปเปอร์) รายใหม่ที่สามารถนำเข้าได้ ซึ่งขณะนี้ราคาแอลเอ็นจีผันผวน
รวมทั้งเห็นชอบมาตรการอื่นๆ ได้แก่ จัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมตามความสามารถของแหล่งก๊าซที่มีศักยภาพในอ่าวไทยและพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ), เลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะของ กฟผ.หน่วยที่ 8 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ออกไปสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2565 ช่วยลดการผลิตไฟจากก๊าซธรรมชาติ, รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนส่วนเพิ่มจากผู้ผลิตไฟฟ้าขาดเล็ก และเล็กมาก (เอสพีพี และวีเอสพีพี) เชื้อเพลิงชีวมวลให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 400 เมกะวัตต์จากสัญญาเดิม
นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติมาเป็นดีเซลและน้ำมันเตา โดยให้ดูตามสถานการณ์ว่าช่วงใดจะใช้แอลเอ็นีที่เหมาะสมและช่วงใดควรใช้น้ำมันซึ่งเน้นราคาต่ำเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันยังพิจารณาให้เร่งการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำงึม 3 ของ สปป.ลาว ที่มีแผนดำเนินการปี 2566 ให้ผลิตไฟส่งไทยมากขึ้นและเร็วกว่ากำหนดโดยจะมีการเจรจาต่อไป โดยจะมีคณะอนุกรรมการฯที่มีตนเป็นประธานบริหารอย่างใกล้ชิด
