ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
---|
สํานักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการโดยใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะกรณีเกิดวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
ล่าสุด นักวิเคราะห์คาดว่าทิศทางราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับสูง คาดว่าน้ำมันดิบดูไบจะเฉลี่ย 71-76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สถานการณ์ราคายังคงผันผวนจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส
ล่าสุด สกนช.กางแผนการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปีนี้ มุ่งเป้าแผนปฏิบัติงานสำคัญ 4 เรื่อง ประกอบด้วย การทบทวนแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ทบทวนแนวทางรักษาเสถียรภาพระดับราคา และหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนน้ำมันฯ โดยนำตัวเลขด้านเศรษฐกิจมาศึกษาเพื่อกำหนดระดับราคาวิกฤตด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และทบทวนสถานการณ์ต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาตลาดโลก
นอกจากนี้ ยังมีแผนทำระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบติดตามและการเชื่อมโยงข้อมูลกรมสรรพสามิตและ สกนช. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเบิกจ่ายเงินชดเชยให้รวดเร็วและถูกต้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2565
ทบทวนแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2566-2670 มุ่งเน้นให้สอดคล้องแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ
รวมทั้งแผนลดการชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งตามกฎหมายพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ให้หยุดชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพภายใน 3 ปี นับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ และขยายเวลาการลดการชดเชยได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี
แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เรื่องการลดการชดเชยให้คำนึงถึงเกษตรกร
ล่าสุด ทราบว่า สกนช.อยู่ระหว่างหารือกับสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนขอขยายการชดเชยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ
ปี 2565 จึงเป็นปีที่ท้าทายบทบาทของ สกนช.อย่างมาก