ฟังทรรศนะ เก็บภาษีคริปโทฯ15%

ฟังทรรศนะ เก็บภาษีคริปโทฯ15%

เป็นที่ฮือฮากันมากในวงการนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี่) หลังจากที่กรมสรรพากรออกมาอธิบายถึงการจัดเก็บภาษีในการซื้อขายเมื่อมีการขายทำกำไร โดยจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ทันที

ทำเอานักลงทุนช็อก ระบุการจัดเก็บภาษีลักษณะนี้ไม่เป็นธรรม เมื่อเป็นประเด็น โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล สมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร ออกมาชี้แจงว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2561 กำหนดเอาไว้ชัดเจนให้ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนคริปโทฯ เฉพาะในส่วนที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินลงทุน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร ขณะเดียวกันยังกำหนดให้ “ผู้จ่ายเงินได้” พึงประเมินดังกล่าวมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% ของเงินได้ตามมาตรา 50 (2) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร

ดังนั้น เมื่อมีกฎหมายจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องปฏิบัติตาม ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. ซื้อเหรียญมาในราคา 1 แสนบาท ต่อมาขายได้ 1.5 แสนบาท ต้องถือว่ามีกำไร 50,000 บาท แม้ว่าต่อมาจะนำเงิน 1.5 แสนบาทไปลงทุนในเหรียญอื่นต่อแล้วขาดทุน ก็ยังต้องนำกำไร 50,000 บาทมารวมกับกำไรจากธุรกรรมอื่นแล้วยื่นภาษี

ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่ให้นำเงินขาดทุนมาใช้รวมในการยื่นภาษีเงินได้นั้น เนื่องจากกฎหมายระบุว่า ผู้มีเงินได้ ถือว่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษี ดังนั้น กำไรจากการซื้อขายคริปโทฯจึงถือเป็นเงินได้ แต่รายได้ส่วนนี้จะถูกนับก็ต่อเมื่อมีการโอนเงินกลับเข้าบัญชีแล้ว ซึ่งหากเงินยังอยู่บนแพลตฟอร์มที่ทำการซื้อขาย จะไม่ถือว่าเป็นรายได้

Advertisement

โดย พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 มีการระบุให้เก็บภาษีจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ที่ผ่านมารูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์ยังไม่มีความชัดเจน จึงได้มีการปรับรูปแบบใหม่ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้เสียภาษีจำนวนมากมีเงินได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเพิ่มขึ้น

หลังการชี้แจงของ กรมสรรพากร เกิดข้อวิจารณ์จากนักลงทุน ตลอดจนผู้ประกอบการแพลตฟอร์มคริปโทฯ นักการเมือง และหลายภาคส่วน ระบุว่า จะเป็นการสร้างอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดการเงินสมัยใหม่ รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้สตาร์ตอัพกลุ่มฟินเทคเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ไม่กี่วันต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบถึงข้อกังวลของหลายฝ่าย จึงยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายปิดกั้นการพัฒนาใหม่ๆ ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใด รวมถึงกลุ่มฟินเทค เพียงแต่ส่วนใดที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีกลุ่มคนเข้าใจในวงจำกัดและจะเกี่ยวข้องกับการนำทรัพย์สินของประชาชนมาลงทุนนั้น รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวัง พิจารณาอย่างรอบด้านก่อนให้การสนับสนุน อาทิ ที่ผ่านมามีสตาร์ตอัพกลุ่มเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาระดมทุนในประเทศไทยมาก รัฐบาลก็ออกนโยบายยกเว้นภาษีกองทุนร่วมลงทุนให้ จูงใจให้มีการลงทุนจริงในประเทศ ส่วนการซื้อขายคริปโทฯนั้นยังเน้นการซื้อขายเหรียญเพื่อทำกำไรเท่านั้น ขณะที่ความเข้าใจของผู้ลงทุนยังอยู่ในวงจำกัด

Advertisement

นอกจากนี้ เจ้ากรมอย่าง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพากร ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กรมสรรพากรเร่งสร้างความชัดเจนในเรื่องหลักเกณฑ์การคำนวณภาษีจากกำไรการขายหรือการลงทุนในคริปโทฯ ให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังเร่งดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดภาษีดังกล่าวให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้

โดยกรมสรรพากรกำลังหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่ดำเนินการในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติในการเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดความเหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนและบริบทในปัจจุบัน โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและทุกฝ่ายเป็นสำคัญ หลังจากการประชุมหารือรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว

ล่าสุด นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย “ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์” ให้ข้อมูลว่า สิ่งที่ได้เสนอถึงกรมสรรพากรไปเริ่มแรกคือเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น พร้อมทั้งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกรมสรรพากร สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย รวบรวมความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเป็นแบบสอบถามลักษณะปลายปิด เพื่อให้นำไปใช้งานได้จริง โดยจะรวบรวมความเห็นก่อนการประชุมใหญ่ ในวันที่ 20 มกราคม มี ก.ล.ต.เป็นเจ้าภาพ

เป้าหมายอยากให้มีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ แผนใหญ่ที่เสนอมี 3 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 1.ทำให้ชัด โดยกรมสรรพากรต้องไปเรียบเรียงกระบวนการให้ชัดเจน พร้อมกับการรับฟังความคิดเห็น 2.ผ่อนปรน เมื่อได้ข้อมูลจากกรมสรรพากร และความคิดเห็น จะมาดูว่าผ่อนปรนตรงไหนได้บ้าง อาจจะมีการแก้ไขกฎระเบียบบางตัว 3.มองอนาคต โดยให้ทุกคนสบายใจได้ว่าคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

“การประชุมร่วมกับภาครัฐถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ภาครัฐรับฟังความเห็นของคนในอุตสาหกรรม ถือว่าตรงนี้เป็นจุดสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม หลายอย่างจะเอาตามใจไม่ได้ แต่ต้องเอาตามที่ควรจะเป็น จะทำให้อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยไปในทางที่ควรได้” ศุภกฤษฎ์ทิ้งท้าย

ด้าน “เมทินี ธิติชัย” อายุ 26 ปี นักลงทุนคริปโทฯ แสดงความเห็นว่า การที่รัฐจะเก็บภาษี มองเป็นเรื่องยอมรับได้ เป็นเรื่องปกติ เมื่อเราสร้างรายได้ขึ้นมาก็เสียภาษีเพื่อช่วยเหลือประเทศได้ แต่ประเด็นจะมีความยุ่งยาก ซึ่งมองว่าระบบยังไม่ดีเท่าไหร่ ถามว่าผิดไหม จริงๆ การสร้างรายได้และเสียภาษีก็ไม่ผิด แต่ต้องจัดการระบบให้ดีกว่านี้ เรื่องหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่เวิร์ก ต้องทำระบบให้ดีมากจริงๆ ส่วนเรื่องการรวมภาษีรายได้ส่วนบุคคล อย่างน้อยควรมีการออกมาชี้แจงวิธีการให้ความรู้ก่อน แล้วก็บอกวิธีการก่อน เคลียร์กันให้ชัดเจนก่อน เพราะว่าเพิ่งมามีตอนต้นปี คิดว่าระบบยังไม่พร้อมที่จะมาจ่ายปีนี้เลย

ทั้งนี้ มองในเรื่อง 15% ก็แอบแรงอยู่ ขณะที่อัตราจัดเก็บภาษีหุ้นอยู่ที่ 0.1% หากมีการขายหุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท แต่ทำไมคริปโทฯถึงเก็บ 15% ดูไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ แต่เรื่องเอาไปทบกับรายได้รายปี อันนี้โอเค ไม่แย่เลย แต่แค่ว่าควรจะมีการชี้แจงรายละเอียดอะไรทุกอย่างให้ผู้ลงทุนก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเก็บเลย ควรให้ผู้ลงทุนมีความรู้ก่อน พอมีภาษีเข้ามาตรงนี้อาจะส่งผลกระทบต่อโปรดักต์ทิวิตี้ที่จะเกิดขึ้นด้วย ยูสเซอร์ก็อาจจะน้อยลง ดีเวลลอปเปอร์ก็อาจจะน้อยลงเหมือนกัน

เมื่อการเสียภาษีตรงนี้ ไม่คุ้ม สุดท้าย ยูสเซอร์ไม่เกิด ดีเวลลอปเปอร์โปรดักต์ก็ไม่เกิด สำหรับคนที่มีเงินก้อนใหญ่ก็อาจไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ถ้าเป็นรายย่อยก็จะสร้างความเหลื่อมล้ำให้สังคม จะมีเรื่องฐานะในสังคมเข้าไปอีก มันยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำเข้าไปอีก อย่างบางคน รายย่อยกำลังจะเริ่มศึกษาการลงทุน ลงทุนไปนิดๆ หน่อยๆ เริ่มแรกได้บ้างเสียบ้าง มันยังไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ ตอนนี้ระบบยังไม่ซัพพอร์ตในการเก็บภาษีตรงนี้เหมือนกัน

“เมทินี” ยังทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีหรือเรื่องการลงทุน ทุกอย่างต้องศึกษาหาความรู้มาก่อนและวางแผนมาก่อน อย่างเรื่องภาษีเมื่อเรารู้แล้วว่าต้องเสีย เราต้องวางแผนทำระบบหลังบ้านให้ดี ข้อมูลที่เราเทรดต้องมีการจดบันทึกและเตรียมการ ทุกอย่างต้องมีการศึกษาและวางแผนก่อน อย่างเอาแต่กระแสอย่างเดียว

ข้อสรุปรีดภาษีคริปโทฯจะเป็นอย่างไร สิ้นเดือนมกราคมนี้รู้กัน!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image