‘ไทยบีเอ็มเอ’ ชี้ยอดออกหุ้นกู้ปี 65 ทะลุ 1 ล้านล้านบาทแน่ หลังเป้าแตก 2 ปีติด

‘ไทยบีเอ็มเอ’ ชี้ยอดออกหุ้นกู้ปี 65 ทะลุ 1 ล้านล้านบาทแน่ หลังเป้าแตก 2 ปีติด

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ไทยบีเอ็มเอ) เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ปี 2564 พบว่ามูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวทะลุ 1 ล้านล้านบาท เป็นปีที่ 2 โดยมียอดการออกที่ 1,034,572 ล้านบาท สูงขึ้น 50% เทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่ม Investment grade และ High yield โดยหุ้นกู้ที่ออกในกลุ่ม High yield ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้มีประกันกว่า 53% ซึ่งเป็นการค้ำประกันโดยนิติบุคคลอื่น โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 การถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.03 ล้านล้านบาท ทำให้ทั้งปี 2564 มีการถือครองเพิ่มขึ้นสุทธิ 144,330 ล้านบาท แบ่งเป็นในตราสารหนี้ระยะยาว 141,064 ล้านบาท และในตราสารหนี้ระยะสั้น 3,266 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 นักลงทุนต่างชาติ มียอดการถือครองตราสารหนี้ไทยที่ 1.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 6.8% ของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ไทย โดยแนวโน้มปี 2565 คาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวมูลค่ารวมเกิน 1 ล้านล้านบาท เป็นปีที่ 3 เนื่องจากบริษัทเอกชนเชื่อว่า ประเทศไทยยังมีความต้องการลงทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องในระบบการเงินที่ยังมีอยู่มาก

“ปัจจัยบวกเป็นภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทยต่ำ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูง ค่าเงินบาทอ่อน ส่วนปี 2565 คาดว่าการถือครองจากนักลงทุนต่างชาติ จะทยอยลดลง แต่จะมากหรือน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งคาดว่าเรื่องดังกล่าวไม่กระทบกับเศรษฐกิจแน่นอน เพราะปัจจุบันการถือครองของต่างชาติสัดส่วนเพียง 8% เท่านั้น” นายธาดา กล่าว

นายธาดา กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2564 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Bond yield) อายุ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.27 จาก 0.39% เมื่อสิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 0.66% รุ่นอายุ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.68% จาก 0.61% มาอยู่ที่ 1.29% และรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.61% จาก 1.28% มาอยู่ที่ 1.90% ส่วนชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit spread) ในปี 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกอันดับเครดิต ขณะที่ในปี 2564 ปรับตัวลดลงทุกอันดับเครดิต ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นกู้อันดับเครดิตตั้งแต่ AA ขึ้นไปมีส่วนชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิต อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าก่อนเกิดโควิดเมื่อปลายปี 2562 แต่หุ้นกู้อันดับเครดิตตั้งแต่ A ลงไปยังมีส่วนชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิต อยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโควิด และเมื่อนำไปรวมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 5 ปี สามารถสรุปได้ว่าต้นทุนการออกหุ้นกู้ของผู้ออกอันดับเครดิต AAA และ AA อยู่ในระดับใกล้เคียงกับก่อนเกิดโควิด ในขณะที่ผู้ออกที่มีอันดับเครดิต A, BBB+, BBB และ BBB- ยังมีต้นทุนสูงกว่าก่อนเกิดโควิดในระดับ 0.25-0.76% ตามลำดับเครดิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image