ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คงเป้าจีดีพี’65 โต 3.3% หวั่นนักท่องเที่ยวไม่ถึงเป้า 10 ล้านคน
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารคงตัวเลขการประมาณการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2565 จะเติบโต 3.3% โดยมีมุมมองระมัดระวังสำหรับเศรษฐกิจไทยมาตั้งแต่ก่อนการระบาดของของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคแม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยทั้งสองตัวแปรนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในภาคเอกชนที่ยังปกคลุมตลอดทั้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งปี คือการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งปีจำนวน 5-10 ล้านคน จะทำได้หรือไม่
อีกทั้งอาจเกิดความผันผวนในตลาดการเงินอันเป็นผลมาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับธนาคารกลางอื่นในโลก เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดเงินทุนไหลออกนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประเทศไทยไม่มีตัวช่วย อย่างดุลบัญชีเดินสะพัดและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งเฉกเช่นในอดีต พร้อมกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี น่าจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากประเทศไทยจะเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ 1-3% ดังนั้น ด้วยภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศยังต้องการการประคับประคอง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปี 2565 และหากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวได้จริง จึงคาดว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง ในปี 2566
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ประกอบกับผลกระทบจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ค่าเงินบาทน่าจะยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากการท่องเที่ยวค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว ค่าเงินบาทน่าจะเริ่มแข็งค่าขึ้นในครึ่งปีหลัง อยู่ที่ 32 บาท/เหรียญสหรัฐ
