‘บลจ.กรุงศรี’ ชี้ศก.ปี 65 ฟื้นตัวได้ดี หลังการท่องเที่ยวกลับมา-ส่งออกยังโตต่อ

‘บลจ.กรุงศรี’ ชี้ศก.ปี 65 ฟื้นตัวได้ดี หลังการท่องเที่ยวกลับมา-ส่งออกยังโตต่อ

นายศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2565 การฟื้นตัวมีแนวโนมชะลอตัวลงจากปี 2564 โดยเฉพาะในตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรป แม้ความกังวลการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่มีน้อยลงจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโควิด-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่อาจไม่เท่ากัน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 โดยเฉพาะในเอเซียอย่างประเทศจีน เนื่องจากแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมของทางการจีนมีน้อยลง และรัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาสนับสนุนสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น จนสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เป็นปกติ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะทยอยเริ่มกลับมาสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้มากขึ้น ส่วนการส่งออกจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากผลของฐานต่ำหมดไป ทำให้ภาคบริการจะเติบโตในอัตราสูงจากผลของฐานต่ำในปี 2564 ด้านการบริโภคคาดว่าจะกลับมาขยายตัวดีขึ้นแต่อาจไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“ตลาดโลกอาจมีความผันผวนมากขึ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคืออัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะมีความตึงตัวมากขึ้น นำโดยประเทศสหรัฐที่เตรียมยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป ซึ่งตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจมีการขึ้นนโยบายการเงินได้ถึง 4 ครั้งในปี 2565 โดยอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป” นายศิระ กล่าว

นายศิระ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นโลกนั้น มองว่าความผันผวนของตลาดหุ้นอาจมีมากขึ้น ตามแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของทางธนาคารกลางทั่วโลก ขณะที่การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน โดยอาจเห็นกลุ่มหุ้นที่มีราคาสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน ขณะที่ตลาดที่ยังปรับขึ้นได้ไม่มาก (แลคการ์ด) ทยอยฟื้นตัวโดยเฉพาะในตลาดเอเซีย อาทิ ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้น การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัย จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย จะสามารถเติบโตได้ในอัตรา 11.5% จากการกลับมาเปิดประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนในอัตรา 12.5% แต่ยังคงต้องติดตามการระบาดโอมิครอนต่อเนื่อง ว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ รวมถึงนโยบายการเงินของเฟด ว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดมากเพียงใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image