คนละครึ่ง 1 ก.พ.หัวละ 1.2 พัน เติม ‘บัตรคนจน’ 600 บ. ครม.เคาะ 4.3 หมื่น ล.-เที่ยวด้วยกันให้ 2 ล.สิทธิ

คนละครึ่ง 1 ก.พ.หัวละ 1.2 พัน เติม ‘บัตรคนจน’ 600 บ. ครม.ไฟเขียว 4.3 หมื่นล้าน-เที่ยวด้วยกันให้ 2 ล้านสิทธิ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนที่กระทรวงการคลังเสนอว่า ครม.มีมติเห็นชอบการเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เลื่อนเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการให้เร่งดูแลประชาชนที่ประสบปัญหาค่าครองชีพเร็วขึ้น โดยเห็นชอบวงเงินคนละครึ่ง เฟส 4 ที่ 1,200 บาท สำหรับใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 3 เดือน เป็นไปตามกำลังซื้อที่มีการฟื้นตัว รวมถึงสอดคล้องกับข้อมูลใช้จ่ายคนละครึ่ง 3 ที่มีคนไม่ใช้สิทธิจำนวน 1.6 ล้านคน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 158 บาทต่อวันเท่านั้น

“วงเงินที่เห็นชอบนั้นไม่ได้มาจากการที่รัฐบาลไม่มีเงินแต่อย่างใด เนื่องจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือวงเงินให้ใช้ 1 แสนล้านบาท ซึ่ง ณ วันนี้ยังเพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม” นายอาคมกล่าว และว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะใช้วงเงิน รวม 3.48 หมื่นล้านบาท มีผู้เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 29 ล้านคน โดยก่อนการใช้สิทธิผู้ที่เคยใช้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3 จำนวน 27.98 ล้านคน ต้องยืนยันสิทธิเข้าโครงการ ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังก่อน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และจะต้องเริ่มใช้สิทธิภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ไม่เกินเวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ และจะนำสิทธิที่เหลือมาเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่ม ซึ่งคนที่ถูกตัดสิทธิแล้วถ้าอยากกลับมาใช้สิทธิจะต้องกลับมาลงทะเบียนใหม่

นายอาคมกล่าวว่า ส่วนคนที่ยังไม่เคยใช้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3 เช่น เคยใช้โครงการช้อปดีมีคืน ยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องลงทะเบียนใหม่ โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ผ่านแอพพ์เป๋าตัง หรือเว็บไซต์คนละครึ่ง จนกว่าจะเต็ม 1 ล้านสิทธิ เริ่มใช้เงินได้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2565 ส่วนคนใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษจะไม่สามารถใช้สิทธิคนละครึ่งได้

นายอาคมกล่าวถึงโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 ว่าได้ให้แก่ผู้มีบัตร จำนวนไม่เกิน 13.45 ล้านคน เป็นวงเงิน รวม 8,071 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการเราชนะ กลุ่ม 4 จำนวนไม่เกิน 2.25 ล้านคน เป็นวงเงิน รวม 1,352 ล้านบาท ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า รวมทั้งสิ้น 600 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการสามารถใช้จ่ายที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2565 โดยวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป

Advertisement

“การดำเนินการ 3 โครงการจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจได้ 79,023 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น 0.21% ต่อปี อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโต” นายอาคมกล่าว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท โดยใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยให้มีระยะเวลาดำเนินโครงการ จากเดิมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2565 เป็นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2565 สำหรับการดำเนินโครงการนั้นรัฐจะสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก คนละไม่เกิน 10 ห้อง ร้อยละ 40 ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน จำนวน 2 ล้านสิทธิ แต่ครั้งนี้ได้ปรับลดสิทธิสำหรับบัตรค่าโดยสารเครื่องบินลงเหลือ 6 แสนสิทธิ เนื่องจากการดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมาในส่วนของบัตรโดยสาร ปรากฏว่าผู้ร่วมโครงการไม่ได้มีการใช้สิทธิเต็มสิทธิที่ให้อยู่แล้ว มาตรการที่ได้รับอนุมัติครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้ประชาชนเกิดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image