สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ยื่อข้อเสนอ ‘คลัง’ เว้นภาษีคริปโทฯ ออกไป 3-5 ปี เพิ่มโอกาสตลาดเติบโต

สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ยื่อข้อเสนอ ‘คลัง’ เว้นภาษีคริปโทฯ ออกไป 3-5 ปี เพิ่มโอกาสตลาดเติบโต

วันที่ 25 มกราคม 2565 ที่กระทรวงการคลัง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ได้ได้นำทีมกลุ่มนักธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (ฟินเทค) เข้าพบ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอ และหารือ กรณีการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล

นายปริญญ์ กล่าวว่า สมาคมได้ยื่นข้อเสนอไปยัง นาย อาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการแนวทางสนับสนุนและส่งเสริมโอกาสในอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่ โดยได้เสนอให้ภาครัฐ ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี ออกไปก่อน อย่างน้อย 3-5 ปี และเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงค่อยกลับมาพิจารณาการจัดเก็บภาษีนักเทรด ส่วนในแง่ของภาษีที่เก็บจากผู้ประกอบการ เมื่อถึงตอนนั้นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลก็จะแข็งแรงแล้ว จะทำให้รัฐบาลยิ่งจัดเก็บภาษีนิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากค่าธรรมเนียมการเทรดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และอาจเป็นไปได้ที่จะมียอดจัดเก็บได้มากกว่าภาษีจากนักลงทุนรายย่อย

นายปริญญ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของการตีความ “โทเคน” ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทไหน เป็นสินค้าหรือไม่ เพราะยังมีเรื่องของภาษีแต่ละประเภทเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น หากตีความว่าเป็นสินค้า ก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวต 7% เป็นต้น

Advertisement

“ผมเชื่อในแนวคิด ฟรีภาษี เสรีคริปโท ฉะนั้น การยกเว้นหรือเลื่อนการจัดเก็บภาษีคริปโทออกไปก่อนสัก 5 ปี หรือแม้กระทั่งการให้นำมาเป็นค่าลดหย่อนได้ จะเป็นโอกาสให้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโต เพราะตลาดนี้ยังไม่โตเต็มที่การเก็บภาษีในช่วงเวลานี้นักลงทุนอาจย้ายหนี เพราะธุรกิจนี้เป็นระดับสากบ นักลงทุนสามารถเลือกเทรดกับเอผู้ให้บริการในต่างประเทศได้ไม่ยาก ตรงนี้จะทำให้สตาร์ทอัพด้านสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเสียโอกาส” นายปริญญ์ กล่าว

นายปริญญ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เสนอในที่ประชุมในเรื่องของการผลักดันให้รัฐบาลนำบล็อกเชนมาใช้ในการ ตรวจสอบงบประมาณของภาครัฐ เพื่อลดการทุจริตและคอร์รัปชั่น เช่น การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ รวมทั้งนำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการระดมทุน เพื่อทำให้สตาร์ทอัพและ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถระดมทุนได้คล่องตัวมากขึ้นจากผู้ที่มีเงินทุนส่วนเกินทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ เพราะการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นอาจต้องใช้เวลาและมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่า และเสนอว่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนเหล่านี้ก็ต้องไม่เป็นอุปสรรคด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่ควรออกกฎหมายที่เข้ามาควบคุมการเติบโตของเทคโนโลยี เอ็นเอฟที (NFT) หรือ ช่องทางสำหรับขายงานศิลปินรูปแบบใหม่ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพิ่งจะเริ่มต้น เพราะอาจทำให้ผู้ประกอบการตลาด เอ็นเอฟทีหนีไปต่างประเทศ คนซื้อขายก็จะไปใช้บริการตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ปัจจุบัน เอ็นเอฟที คืออีกช่องทางในการหารายได้เพิ่มของศิลปินรายเล็ก ได้เข้ามาในพื้นที่นี้เพื่อสร้างรายได้ในโลกดิจิทัล

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image