‘สันนิบาตสหกรณ์’ เตรียมรวมข้อมูลสหกรณ์เจ้าหนี้บินไทย เสนอ ‘อนุกรรมการการลงทุน’ ปลดล็อกซื้อหุ้นใหม่ 27 ม.ค.นี้ ก่อนเคาะจริง มี.ค.65
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อนำเสนอผลกระทบจากการลงทุนหุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับตัวแทนเจ้าหนี้สหกรณ์ ที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้กว่า 66 สหกรณ์ จากจำนวนเจ้าหนี้ทั้งหมด 87 สหกรณ์ ว่า การประชุมหารือในครั้งนี้ เพื่อรับฟังผลกระทบของสหกรณ์ที่เข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ของ การบินไทย ในช่วงที่ธุรกิจยังสามารถเดินหน้าได้ ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการลงทุนไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท จากการร่วมลงทุนของสมาชิกสหกรณ์กว่า 1 หมื่นราย แต่ในปัจจุบันทางการบินไทยได้เปิดให้ลงทุนหุ้นกู้ใหม่ในราคา 2.54 บาท ดังนั้น ถ้าอยากให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ต้องใช้เงินต่อเงิน ดังนั้น ทางสหกรณ์เจ้าหนี้ฯ จึงมีความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นกู้ดังกล่าว แต่ซื้อไม่ได้เนื่องจากติดเรื่องกฎหมายและกฎระเบียบของ คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) ทางสันนิบาตฯ จึงอยากให้การบินไทยขายให้ในราคา 2.54 บาท เพราะเชื่อว่าในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ หากธุรกิจการบินได้เดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเข้าตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ได้ ราคาหุ้นก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาสูงอีกครั้ง หรืออย่างน้อยก็จะเข้ามาชดเชยในส่วนที่ขาดทุนก่อนหน้านี้ และช่วยให้สมาชิกกลับมามีฐานะได้
นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า ซึ่งข้อกฎหมายค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าสามารถทำได้จะให้สายการบินแห่งชาติยังอยู่ ช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากอยู่ดีกินดี และเป็นการแบ่งเบาภาระรัฐบาล เพราะทุกฝ่ายพร้อมจะช่วยกัน ซึ่งในเรื่องของข้อกฎหมายจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการการลงทุน ของ คพช. ในวันที่ 27 มกราคมนี้ โดยจะมีการนำข้อเสนอของสมาชิกสหกรณ์ อาทิ การขอเข้าซื้อหุ้นกู้ใหม่ของบริษัท การบินไทยฯ เป็นต้น ไปเสนอให้ คณะอนุลงทุนฯ พิจารณา พร้อมส่งคนเข้าไปชี้แจง ก่อนจะนำข้อสรุปไปเสนอต่อ คพช. และจะมีการสรุปผลอีกเรื่องหุ้นกู้อีกครั้งในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งในช่วง 1 เดือนต่อจากนี้ หรือก่อนถึงการพิจารณา ทางสันนิบาตฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นอยู่เสมอจนกว่าจะได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดต่อไป
นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ในขณะเดียวกัน ได้มีการหารือกับลูกหนี้ หรือการบินไทย เพื่อให้ช่วยกันงบประมาณที่การบินไทยจะกู้มาเพื่อเสริมสภาพคล่อง 2.5 หมื่นล้านบาท บางส่วนให้เจ้าหนี้สหกรณ์ หรือไม่ก็ขายหุ้นกู้ให้กับสหกรณ์ในราคาถูก เพราะตอนนี้ทางธนาคาร และบริษัทประกันภัย ได้มีการเขาซื้อแล้ว แต่กลุ่มนี้ไม่ได้คำนึงถึงการขาดหุ้นของผู้ถือหุ้นมากนัก ซึ่งแตกต่างจากสหกรณ์ ที่สนใจสมาชิกและอยากให้สมาชิกเหล่านี้มีเงินกลับมาเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม ขณะนี้ อยู่ระหว่างลุ้นว่าสหกรณ์จะมีโอกาสได้ซื้อหุ้นดังกล่าวหรือไม่ เพราะตอนนี้หุ้นของการบินไทยไม่ได้อยู่ในระดับ A+ แล้ว ซึ่งตามกฎแล้วธุรกิจของสหกรณ์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสมาชิกได้
นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อแตกต่างหากในกรณีที่ซื้อหุ้นกูไม่ได้ทางสหกรณ์เจ้าหนี้ก็จะม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อใช้ในการชำระหนี้ในอนาคต แต่หากเข้าซื้อได้เราจะนำส่วนนี้มาชดเชยกับเงินในส่วนที่ขาดหาย และจะกลับมาเป็นผลประโยชน์ของสมาชิกต่อไป ส่วนเรื่องของการด้อยค่าหุ้นกู้ บริษัท การบินไทยฯ ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ทำการด้อยค่าลง 5% ต่อปี นั้น ส่งผลให้มูลค่าที่ถืออยู่ลดลงทุกปี ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้ทำให้สหกรณ์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ขาดทุน แต่จะกระทบในกลุ่มขอสหกรณ์รายเล็ก ที่สมาชิกจะได้รับเงินบันผลน้อยลง จากเดิมได้เงินปันผล 4-5 บาทต่อหุ้น อาจลดลงเหลือ 1-2 บาทต่อหุ้น หรือบางปีก็อาจไม่มี ซึ่งจะส่งให้เกิดการท้อถอยในการถือหุ้นได้ แต่ทั้งนี้ เมื่อหุ้นการบินไทยกลับมาเติบโตอีกครั้งสมาชิกก็จะกลับมามีกำไรได้เหมือนเดิม
